Imurathailand

5 โรคมะเร็งคร่าชีวิตคนไทย

5โรคมะเร็งคร่าชีวิตคนไทย

โรคมะเร็ง หากท่านใดเคยพบหรือเคยป่วยด้วยโรคนี้มาก่อนคงเรียกได้ว่าเหมือนโลกมืดไปทั้งใบเลยก็ว่าได้ เพราะคงไม่มีใครอยากป่วยเป็นโรคมะเร็ง วันนี้เราจะนำอันดับโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยเรามากที่สุดมาจัดอันดับ เพื่อที่เราจะได้ระวัง ป้องกัน เพื่อห่างจากโรคมะเร็งร้ายเหล่านี้ค่ะ

“รู้ไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ กับ 5 อันดับมะเร็งที่พบมากในคนไทย”

โรคมะเร็ง เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุต้นๆ ของการเสียชีวิตสำหรับคนไทยเลย นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโรคมะเร็งจะมีโอกาสเกิดขึ้นกับคนอายุน้อยที่เริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นแล้ว ผลกระทบจากภายในและภายนอกร่างกาย ก็ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเกิดโรคมะเร็งได้เช่นกัน


แล้วเรามีโอกาสที่จะเลี่ยงให้ไกลจากโรคมะเร็งนี้ได้หรือไม่


ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งนั้น ยังไม่มีใครสามารระบุชัดเจนได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะร่างกายของแต่ละคน และสุขภาพของแต่ละบุคคลนั้น มีการใช้ชีวิตประจำวันที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนั้นพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นเหตุกระตุ้นทำให้เกิดโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นมีหลายปัจจัย วันนี้จะยกตัวอย่างให้ดูค่ะ

  • อายุ
  • กรรมพันธุ์
  • ความไม่สมดุลทางฮอร์โมน
  • การรับประทาน
  • สูบบุหรี่
  • การใช้สารเคมี
  • ออกกำลังกาย

ปัจจัยเสี่ยงแต่ละรายนั้นไว้รอบหน้าจะแยกออกมาให้ทราบกันอีกทีนะคะ


สัญญาณเสี่ยงเกิดโรคมะเร็ง มีด้วยกัน 7 สัญญาณ

  1. ระบบขับถ่ายที่เปลี่ยนแปลง
  2. แผลที่ไม่รู้จักหาย
  3. ร่างกายมีก้อนตุ่ม
  4. กลุ้มใจเรื่องการกลืนอาหาร
  5. ทวารทั้งหลายมีเลือดไหล
  6. ไฝ หูดที่เปลี่ยนไป
  7. ไอและเสียงแหบจนเรื้อรัง

หลังจากเรียนรู้เรื่องปัจจัยการเกิดโรคมะเร็งกันไปแล้วถึงคราวอันดับเกิดโรคมะเร็งกับคนไทยเราบ่อยที่สุดกันค่ะ นั่นก็คือ 5 อันดับโรคมะเร็งที่พบในคนไทยมากที่สุด เรามาดูกันว่าทำไมถึงเกิดกับคนไทยเราบ่อยและมากเพราะอะไร และเกิดกับผู้ชายหรือผู้หญิงมากกว่ากัน เราจะได้สำรวจสุขภาพและป้องกันโรคร้ายนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ

5 อันดับ โรคมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย

1.โรคมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี

โรคมะเร็งตับเป็นโรคที่พบในคนไทยมากที่สุดอันดับ 1 เลยและพบมากสุดในเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 3 เท่า ช่วงอายุที่พบคือ 30-70 ปี ในระยะแรกของโรคมะเร็งตับนั้นมักไม่แสดงอาการ ซึ่งกว่าจะทราบการวินิจฉัยก็มักจะอยู่ในช่วงท้ายและไม่สามารถรับการรักษาได้ทัน จึงส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุด

โรคมะเร็งตับมีสาเหตุหลักคือ การได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ การดื่มแอลกอฮอล์ รับสารพิษอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) หรือการได้รับยาบางชนิดและพันธุกรรม เป็นต้น

1.1โรคมะเร็งท่อน้ำดี 

โรคมะเร็งในท่อน้ำดี พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง พบช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในท่อน้ำดีคือการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะปลาน้ำจืดแบบดิบ ทำให้ได้รับตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ เกิดการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่นคนในครอบครัวเป็นมะเร็งในท่อน้ำดี ภาวะท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

2.โรคมะเร็งปอด

โรคมะเร็งปอดเป็นโรคพบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง สาเหตุหลักของโรคมะเร็งปอดมาจากการสูบบุหรี่ หรือ ได้รับควันบุหรี่ โดยอาการเริ่มแรกมีอาการไอ มีเสมหะ หรือไอมีเลือด เจ็บหน้าอก หายใจดังและถี่ ความอยากอาหารลดลง เป็นต้น

3.โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยทำงาน อาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มักปรากฎให้เห็นเช่น อุจจาระมีเลือดปน น้ำหนักตัวลด มีอาการลำไส้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น

 4.โรคมะเร็งเต้านม

โรคมะเร็งเต้านม พบมากในผู้หญิงตั้งแต่วัยสาวเป็นต้นไป สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในต่อมน้ำนมและท่อน้ำนม โดยสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านมมีหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ อายุ มีประจำเดือนตอนอายุน้อย ๆ หรือหมดประจำเดือนช้ากว่าปกติ เป็นต้น

5.โรคมะเร็งปากมดลูก

โรคมะเร็งปากมดลูก พบในผู้หญิงและมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย พบในช่วงอายุ 30-70 ปี โดยพฤติกรรมที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุหลักๆ คือ เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์  เป็นต้น

บทสรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างคะโรคมะเร็ง5อันดับที่คนไทยเป็นมากที่สุดมันไม่น่าคบหาเลยนะคะ เราต้องดูแลสุขภาพ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ออกกำลังกายและทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ควรทานให้ครบ 5 หมู่ และควรหลีกเลี่ยงสารก่อให้เกิดโรคมะเร็งต่างด้วยนะคะ หรือเลือกทานอาหารเสริมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือเลือกดื่ม I.M.U.RA ก่อนนอนสัก 1 ซองช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยให้เราเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดเพชรฆาต เพื่อฆ่าเซลล์ร้ายถ้าหากเจอ หรือไวรัสตัวร้ายได้อีกด้วยค่ะ

ทำไมต้องใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy ) ป้องกันมะเร็ง 

มาทำความรู้จัก I.M.U.RA กันค่ะว่าคืออะไร?

I.M.U.RA อาหารเสริม สกัดจากธรรมชาติ เพิ่ม NK Cell activity พร้อมResveratrol สกัดจากเปลือกเมล็ดองุ่น, CBDrive วิตามิน B C และ Zinc ทั้งช่วยกำจัดเซลล์ร้าย และฟื้นฟูเซลล์ดี

สารสกัดในอิมูร่า

🌿 ส่วนประกอบของ IMURA สกัดจากธรมชาติทั้งหมดค่ะ นำมาทำเป็นสูตรเข้มข้นเฉพาะสำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันชนิด NK Cell ที่ใช้ในการรักษาแบบภูมิบำบัด
⚕️ ต้านความชราของในระดับเซลล์ด้วย resveratrol สกัดจาก Grape Skin
⚕️ กระตุ้นการสร้าง NK Cell ด้วย Vit C , Vit B, Zinc, Bio Magnesium, Cranberry, Blueberry
จำหน่ายอาหารเสริมเพิ่ม Nk Cell-9สารสกัดที่สำคัญ

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนและหลังทำคีโม ด้วย IMURA Chemo Set

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนและหลังทำคีโม ด้วย IMURA Chemo Set

วิธีการรับประทาน

ดื่มวันละ 2 ครั้ง 14 วันต่อเนื่อง ก่อนเข้าทำคีโมบำบัด
และ วันละ 2 ครั้ง 14 วันต่อเนื่อง หลังบำบัด
เลขที่ อ.ย. : 1210516150077
ผลิตและจัดจำหน่ายโดย : บริษัท มามาสิตา จำกัด

สนใจสอบถามได้ที่ 

FB:https://www.facebook.com/imuramamasita
website: https://www.imurathailand.com/
Line OA: @imuramamasita

 

“CANCER WITH ME” ส่งต่อกำลังใจให้ผู้ป่วยมะเร็งทุกคน

ผู้ป่วยมะเร็ง

สวัสดีค่ะชื่อต่ายเจ้าของเพจ “มาจะเล่าให้ฟัง CANCER WITH ME” เป็นผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะ 4 ค่ะมีแรงบันดาลใจจากการป่วยและอยากให้กำลังใจคนที่ป่วยเหมือนกันจึงอยากส่งต่อกำลังใจให้ทุกๆคน

CANCER WITH ME-www imurathailand

เมื่อชีวิตของเราได้เปลี่ยนไปเพราะมีมะเร็งเข้ามา จะทำอย่างไร?

ต่ายเป็นสาววัยทำงานคนนึงที่ชีวิตกำลังไปได้สวยมากๆ ทั้งหน้าที่การงานชีวิตส่วนตัว และที่สำคัญต่ายกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือน แต่ภารกิจต่างๆต้องถูกพับเก็บไว้ก่อน เนื่องจากหลังวันเกิดอายุ 28 ปีเพียงไม่กี่เดือนต่ายถูกตรวจพบว่ามีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ราวๆ 8 cm. อยู่ในช่องอกจากการทำ x-ray ปอดคุณหมอไม่นิ่งนอนใจจับเราทำ CT-SCAN ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจจึงมั่นใจว่าเราเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด (Hodgkin’s) เข้าระยะที่ 4 นอกจากก้อนตรงช่องอก ยังเจอที่ตับด้วยอีกนิดหน่อยตอนนั้นบ้านเราช็อกกันหมดทั้งบ้าน เพราะเราแข็งแรงดีไม่มีสัญญาณใดๆบ่งบอกเลยว่าจะเป็นมะเร็งตอนอายุเท่านี้

CANCER WITH ME

เมื่อรู้แล้วว่ามะเร็งเข้ามาอยู่กับเราแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อไป

แน่นอนวันที่รู้ว่ามะเร็ง (cancer) เข้ามาเยือนตัวเราแล้ว ถ้ามัวแต่ตกใจสติหลุดฟูมฟายคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแน่ๆ เราตั้งสติศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ทั้งกับญาติๆเราที่เป็นคุณหมอและศึกษาข้อมูลงานวิจัยผ่านทาง Internet รวมถึงทั้งปรึกษาคุณหมอเจ้าของไข้ของเราด้วย คุณหมอบอกว่าเราอาจโชคร้ายที่เป็นมะเร็งแต่ก็ยังโชคดีที่เป็นมะเร็งชนิดนี้ เพราะมะเร็งตัวนี้ตอบสนองต่อยาดีมากๆ ต่อให้เป็นระยะ 4 โอกาสในการหายขาดก็มีมากด้วย เราได้ทั้งกำลังใจจากคนรอบข้างและที่สำคัญคือกำลังใจจากตัวเอง

เคมีบำบัดกับการรักษาโรคมะเร็ง-www imurathailand

ขั้นตอนการวางแผนรักษามะเร็ง (CANCER)

คุณหมอวางแพลนให้คีโมบำบัดสูตรที่ 1 (จำนวน 6 Cycle) โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 4-5 เดือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องเริ่มให้คีโมบำบัดครั้งแรกเราก็ตื่นเต้นมากมันจะแย่ขนาดไหนกันนะได้ยินคนเค้าพูดกันมาว่ามันต้องทรมานอย่างนั้นอย่างนี้สรุปตอนที่ให้ก็เหมือนให้น้ำเกลือปกติเรานั่งคุยกับที่บ้านนั่งทานข้าวอย่างสบายใจแต่หลังจากนั้นประมาณ 3-5 วันเราจะมึนๆต้องรอให้ร่างกายฟื้นตัวก็จะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับเราไม่ค่อยแพ้คีโมเท่าไหร่ไม่เคยอาเจียนเลยสักครั้งเวลาเรากำลังรอฟื้นตัวจากคีโมเราก็จะคิดว่าถ้าเราฟื้นตัวแล้วเราจะทำอะไรดีนะใส่ชุดสวยไปเที่ยวไหนดีใส่วิกอันไหนดี
เราให้คีโมตั้งแต่ต้นจนจบเราก็ยังขับรถไปทำงานประจำของเราตามปกตินะเราคิดตลอดว่าไม่เป็นไรรักษาไปเดี๋ยวมันก็ต้องหายเราใช้ชีวิตค่อนข้างปกติมากๆแค่ระวังตัวมากขึ้นเราจะไม่โฟกัสกับตัวโรคมากจนจิตตกเราถือคติที่ว่าใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆวันไม่ว่าจะต้องต่อสู้กับอะไรก็ตาม

เมื่อต้องทำเคมีบำบัดหรือการให้คีโม

ตามคาดเราทำ Pet/CT scan หลังให้ยาเคมีบำบัดไป 3 cycle ผลออกมาดีมากคือก้อนเนื้อยุบลงไปเยอะมากตรงช่องอกจาก 8.8 cmเหลือเพียง 3 cm. กว่าๆเท่านั้นเองตรงตับก็ไม่มีจุดอะไรแล้วแต่โชคอาจไม่เข้าข้างเท่าไหร่เพราะหลังจากจบคอร์สการให้ยา 2 เดือนกลับพบว่าก้อนเนื้อตรงช่องอกกลับยังไม่สงบจริงๆมันยังโตขึ้นมาอีกจากมิลกลับมาเป็นเซนติเมตร แถมยังกระจายไปตรงหลอดลมอีกด้วยคราวนี้ต้องมาวางแผนการรักษาใหม่คือเปลี่ยนยาเคมีบำบัดสูตรใหม่ที่แรงขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว + ให้ยามุ่งเป้าร่วมด้วยพร้อมทั้งตัองปลูกถ่ายไขกระดูกอีกโดยของเราสามารถใช้สเต็มเซลล์ของตัวเองในการปลูกถ่ายได้เพราะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและสามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้เกินเป้าที่คุณหมอต้องการตอนนั้นคิดในใจเลยว่าดีจังตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ด้วย

มาถึงวันนี้เรารักษาครบทุกขั้นตอนในระยะเวลา 1 ปีกับอีก 4 เดือนเหลือแค่ยามุ่งเป้าที่ต้องให้ต่ออีกแค่ 6 ครั้งก็ถือว่าจบการรักษาน่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 6 เดือนในระยะเวลาที่ดีใจตลอดผลเลือดเราสามารถรับคีโมได้ตรงตามเวลาที่คุณหมอกำหนดตลอดไม่เคยเลื่อนการรับคีโมเลยเราคิดว่าถ้ากำลังใจจากตัวเราดีแล้วเราสู้ถึงที่สุดแล้วจะแพ้จะชนะยังไงเราถือว่าเราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว

ค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งครั้งนี้

ในเรื่องของค่าใช้จ่ายต้องบอกเลยว่ามหาศาลมากแค่คีโมต่อครั้งก็หลักหมื่นยามุ่งเป้าตกขวดละเป็นแสนในแต่ละครั้งเราต้องใช้ยามุ่งเป้าจำนวน 2 ขวดถ้าตีเป็นเงินคงไม่มีใครอยากนับเลยแต่ยังถือว่าเรายังพอโชคดีบ้างที่สิทธิประกันสังคมคอย Support บางส่วนซึ่งถือว่าช่วยได้มากทีเดียวรวมถึงทั้งต่ายยังไม่ประมาทกับชีวิตโดยการทำประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายเอาไว้ตัวเราเองจึงไม่ค่อยเครียดกับค่ารักษามาก ค่าอาหารเสริมก็หนักเอาการเหมือนกันแต่เราเลือกที่จะยอมจ่ายเพราะเราอาจจะทานอาหารไม่ถึงก็ยังมีอาหารเสริมที่มาคอยช่วยดูแลร่างกายที่โดนคีโมมานับไม่ถ้วนให้ฟื้นตัวไวขึ้นมาบ้าง โดยต่ายเลือกทานอาหารเสริม I.M.U.RA เพราะสารอาหารที่ครบถ้วนช่วยฟื้นฟูร่างกายต่ายได้อย่างดีทีเดียว

บทสรุป

สุดท้ายมะเร็งสอนให้ต่ายรู้ว่าชีวิตของเรามีแค่ชีวิตเดียวไม่ควรประมาทต่อชีวิตทุกสิ่งบนโลกล้วนไม่มีความแน่นอนใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุขมากที่สุดเพราะเราไม่รู้เลยว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเรา

ผลข้างเคียงคีโมมีอาการใดบ้าง

ผลข้างเคียงจากการทำคีโม-www imura

ผลข้างเคียงจากการทำคีโมมีอาการใดบ้าง

อาการข้างเคียงเหล่านี้มีหลายอย่างที่ป้องกันได้ โดยแพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้พิจารณาให้ยา หรือมาตรการในการป้องกัน อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไข บรรเทา หรือป้องกันอาการดังกล่าวได้ ดังนั้น ท่านจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการดูแลตัวเองเมื่อได้รับยาเคมีบำบัด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการรักษาจากยาสูงสุด โดยมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ตามที่ผู้ป่วยและแพทย์ผู้ทำการรักษาตั้งใจไว้ เรามาดูกันว่าอาการข้างเคียงของผู้ที่ได้รับเคมีบำบัด หรือ เรียกอีกอย่างว่า คีโม นั้นมีอะไรบ้าง

    1. อาการไข้
    2. คลื่นไส้ อาเจียน
    3. ท้องผูก
    4. ฝ่ามือฝ่าเท้ามีสีแดงหรือดำคล้ำและเจ็บ
    5. อารมณ์แปรปรวนง่าย
    6. โลหิตจาง
    7. เจ็บปากเจ็บคอ
    8. ผมร่วง
    9. ชาปลายมือปลายเท้า
    10. จุดเลือดหรือจ้ำเลือด (ควรพบแพทย์ทันที)
    11. ผิวหนังและเล็บเปลี่ยนสี (ควรพบแพทย์ทันที)
    12. ท้องเสีย

      อาการคลื่นไส้ อาเจียน
       ซึ่งพบประมาณ 50% ของผู้เข้ารับการรักษาทั้งหมด จึงจัดเป็นปัญหาสำคัญเนื่องจากอาการดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยอ่อนเพลีย น้ำหนักลด เกิดภาวะขาดสารอาหารและเกลือแร่ และมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อการรักษาจนอาจมีผลต่อการรักษาได้ ในการป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนนั้นควรเริ่มให้ยาป้องกันตั้งแต่ก่อนการให้ยาเคมีบำบัดต่อเนื่องไป จนกระทั่งเลยช่วงเวลาที่ยาเคมีบำบัดจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยการให้ยาป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียน มีวิธีการให้ยาได้หลายทาง ขึ้นอยู่กับชนิดของยาที่ใช้ เช่น ชนิดรับประทาน การฉีดเข้าหลอดเลือด การฉีดเข้ากล้าม การสอดเข้าทางทวารหนัก การอมใต้ลิ้น หรือแบบแผ่นแปะผิดหนัง ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาทางปากได้

ดังนั้นอาการข้างเคียงเหล่านี้มีหลายอย่างที่ป้องกันได้ โดยแพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้พิจารณาให้ยา หรือมาตรการในการป้องกัน อย่างไรก็ตาม ท่านจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการดูแลตัวเองเมื่อได้รับยาเคมีบำบัด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการรักษาจากยาสูงสุด โดยมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ตามที่ผู้ป่วยและแพทย์ผู้ทำการรักษาตั้งใจไว้

อาการคลื่นไส้อาเจียน-www imura

อาการไข้จากผลข้างเคียงคีโม

อาการไข้ หมายถึง การที่มีอุณหภูมิในช่องปากมากกว่าหรือเท่ากับ 38 องศาเซลเซียส เป็นเวลามากกว่าหรือเท่ากับ 1 ชั่วโมง หรือมีอุณหภูมิรักแร้มากกว่าหรือเท่ากับ 37.8 องศาเซลเซียส

สาเหตุ ไข้อาจเป็นอาการนำของภาวการณ์ติดเชื้อ หรืออาการของโรคมะเร็งเอง อาจพบภาวะเม็ดเลือดขาว (ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้เชื้อโรคต่าง ๆ) ต่ำลงและเกิดการติดเชื้อ
ได้เมื่อท่านได้รับยาเคมีบำบัด สังเกตได้จากอาการไข้ รู้สึกหนาวสั่น เจ็บรอบ ๆ ทวารหนักหลังการให้ยาเคมีบำบัด โดยเฉพาะในช่วง 7-14 วัน หลังได้รับยาเคมีบำบัด

วิธีป้องกันการติดเชื้อโดยทั่วไป

– ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
– หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นไข้หวัดวัณโรค และงูสวัด เป็นต้น
– เมื่อท่านมีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีผู้คนแออัด เช่น ตลาด โรงภาพยนตร์ หรือห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
– ดูแลร่างกายไม่ให้อับชื้น อาบน้ำให้สะอาดทุกวัน โดยใช้สบู่อ่อน ๆ เช่น สบู่เด็ก
– ระมัดระวังการใช้ของมีคมทุกชนิด
– หากถูกของมีคมบาด ให้รีบทำความสะอาดแผลและปิดด้วยผ้าพันแผล
– ควรสวมถุงมือทุกครั้งเพื่อป้องกันการเกิดแผลเวลาทำสวน หรืองานก่อสร้าง
– ทาครีมหรือโลชั่นถนอมผิว เพื่อป้องกันผิวแห้งแตก
– รับประทานอาหารที่สุกและสะอาด หลีกเลี่ยงของสุก ๆ ดิบ ๆ หรือของหมักดอง เช่น แหนม ปลาร้า ก้อย ส้มตำ และยำต่าง ๆ เป็นต้น
– เมื่อท่านมีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักและผลไม้สด
– แปรงฟันให้สะอาด ด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม
– ควรมีเทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดไข้ติดตัวไว้ ถ้าท่านสงสัยว่ามีไข้ควรวัดอุณหภูมิร่างกายเพื่อยืนยันอาการ
– หากมีอาการไข้ภายหลังจากการได้รับยาเคมีบำบัด ให้รีบมาพบแพทย์โดยด่วน

วิธีการรักษาเมื่อมีไข้จากผลข้างเคียงคีโม

1. รีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดดูว่าเม็ดเลือดขาวต่ำหรือไม่ ถ้าจำนวนเม็ดเลือดขาวต่ำ แพทย์จะฉีดยาปฏิชีวนะให้โดยด่วน และรับตัวไว้รักษาใน
โรงพยาบาลทันที
2. อาจลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในช่วงเม็ดเลือดขาวต่ำ หรือในระยะเวลาที่มีไข้และเม็ดเลือดขาวต่ำได้ด้วยการฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาว
ซึ่งขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ดูแล

โลหิตจางผลข้างเคียงคีโม

อาการ ซีด เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก มึนศีรษะ อาจมีเลือดออกในทางเดินอาหารทำให้อุจจาระมีสีดำ แต่อาการที่พบบ่อยที่สุด คือ อ่อนเพลีย
สาเหตุ เกิดจากเม็ดเลือดแดงมีจำนวนลดลง ซึ่งอาจเป็นผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด มีเลือดออกในทางเดินอาหาร หรือมีการสูญเสียเลือด รวมทั้งภาวะ
โรคมะเร็งเองก็อาจทำให้จำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำลงได้เช่นเดียวกัน

วิธีบรรเทาอาการ

– รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กมาก เช่น ตับ ผักใบเขียว อาหารที่มีโปรตีน และวิตามินสูง
– พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอแต่ไม่หักโหม เช่น เปลี่ยนจากวิ่งมาเป็นเดินช้า ๆ และทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส
– ทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามปกติ แต่ปรับให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย

วิธีการรักษา โดยการให้เลือด หรือยาฉีดกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งทั้งหมดนี้จะขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์โดยประเมินจากสภาวะของผู้ป่วย

มีจุดเลือดหรือจ้ำเลือด

อาการ มีจุดเลือดหรือจ้ำเลือดขึ้นตามตัว เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน มีจุดแดงเล็ก ๆ ที่ตาขาว ลำตัว แขน และขา ประจำเดือนมามาก หากเป็นแผลเลือดออก
เลือดจะหยุดไหลได้ช้า แม้ว่าจะเป็นแผลขนาดเล็กก็ตาม
สาเหตุ เกิดจากจำนวนเกล็ดเลือดต่ำหลังได้รับยาเคมีบำบัด

วิธีป้องกันการเกิดแผลเลือดออกหรือบรรเทาอาการ

– หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดบาดแผล หรือเกิดการบาดเจ็บ เช่น ปั่นจักรยาน ขี่มอเตอร์ไซด์ ตัดไม้ผ่าฟืน ตัดเย็บเสื้อผ้า หรือทำฟัน
– เลือกการออกกำลังกายเบา ๆ ไม่หักโหม เช่น เดิน ว่ายน้ำ เป็นต้น
– ใช้ที่โกนหนวดไฟฟ้าแทนใบมีดโกน เพราะทำให้เกิดแผลน้อยกว่า
– ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม ๆ
– ไม่ควรซื้อยากินเอง เช่น แอสไพริน ยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อบางชนิดที่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร เพราะจะไปรบกวนการทำงานของเกล็ดเลือด
และทำให้เลือดออกในทางเดินอาหารได้
– งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

วิธีการรักษา แพทย์อาจพิจารณาให้เกล็ดเลือดในรายที่มีจำนวนเกล็ดเลือดต่ำ และ/หรือมีอาการเลือดออก

คำแนะนำเรื่องโภชนาการสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด

เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดเป็นผู้ป่วยนอก ดังนั้นจึงควรเตรียมอาหารและของว่างมาด้วย หากการให้ยาเคมีต้องใช้ระยะเวลาที่นาน บางโรงพยาบาลมีการอำนวยความสะดวกโดยมีตู้เย็น และเครื่องไมโครเวฟไว้ให้บริการ

  • ควรรับประทานอาหารว่างหรืออาหารเบาๆ ก่อนให้ยาเคมีบำบัด
  • การพักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์สามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้เป็นอย่างดี
  • หากรู้สึกไม่อยากอาหารหลังจากได้รับยาเคมีบำบัด ก็ไม่ควรฝืนรับประทานซึ่งแก้ไขได้ด้วยการรับประทานทีละน้อยบ่อยๆ หรือเลือกรับประทานอาหารที่ชอบในระหว่างการรักษา
  • ควรรับประทานอาหารตามปกติหากสามารถทำได้ ที่สำคัญคือ ไม่ควรฝืนรับประทานอาหารที่ไม่ชอบหรือเมื่อยังรู้สึกอิ่มอยู่
  • อย่าเกรงใจที่จะขอให้ญาติและเพื่อนๆ มีส่วนช่วยในการเลือกซื้อ และเตรียมอาหาร หรือหากอยู่คนเดียวก็อาจสั่งอาหารมารับประทานที่บ้านหรือออกไปรับประทานอาหารกับเพื่อนบ้าง

ผลข้างเคียงจากการรักษา ส่วนใหญ่เป็นแบบชั่วคราวเท่านั้น หากอาการไม่หายไป ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบเพื่อดำเนินการรักษาต่อไป

การดูแลตนเอง เมื่อเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน

  • ในผู้ป่วยที่ต้องควบคุมอาหาร เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรมีการปรับเปลี่ยนอาหารตามความเหมาะสม โดยปรึกษากับทีมแพทย์ผู้ให้การรักษา
  • ควรแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ และบ่อยๆ แทนที่จะเป็นมื้อหลัก 3 มื้อตามปกติ
  • ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและพลังงานสูง
  • สามารถรับประทานอาหารเสริมควบคู่ไปด้วย โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้จากทีมผู้ให้การรักษา
  • สามารถรับประทานอาหารเสริมควบคู่ไปด้วย โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้จากทีมผู้ให้การรักษา

ในแต่ละวันหากช่วงเวลาใดที่สามารถทานได้ ควรรับประทานให้เพียงพอ ซึ่งส่วนใหญ่มื้อเช้าจะเป็นมื้อที่ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มาก

หากไม่สามารถรับประทานอาหารได้เพียงพอ ควรบอกแก่ทีมผู้ให้การรักษาหรือนักโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง

หากรับประทานยาแก้อาการคลื่นไส้อาเจียนไม่ได้ผล ควรแจ้งทีมผู้ให้การรักษาทราบเพื่อพิจารณาปรับยาให้เหมาะสม

วิธีบรรเทาอาการผลข้างเคียงคีโม

– รับประทานอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ขนมปัง แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารร้อนเพราะมีกลิ่น และทำให้ท่านรู้สึกอยากอาเจียนมากขึ้น
– รับประทานอาหารเหลว ใส หรือเครื่องดื่มเย็น ๆ เช่น น้ำผลไม้ น้ำขิง โดยใช้หลอดดูดแทนการดื่ม
– รับประทานทีละน้อย แต่บ่อยมื้อขึ้น
– หลีกเลี่ยงอาหารกลิ่นฉุน รสจัด อาหารมัน อาหารทอด เพราะจะทำให้ท่านรู้สึกอยากอาเจียนมากขึ้น
– ทำความสะอาดปากและฟันหลังทานอาหารทุกมื้อด้วยน้ำเกลือกลั้วปาก
– พักผ่อนมาก ๆ หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือดูรายการโทรทัศน์ที่ชอบ
– รับประทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนตามแพทย์สั่ง

อาการข้างเคียงดังต่อไปนี้ควรพาผู้ป่วยไปพบแพทย์

  • ท่านควรรีบมาพบแพทย์ทันทีถ้ามีอาการดังต่อไปนี้
    • มีอาการซีดมาก อ่อนเพลียมาก เหนื่อยหอบ หรือหน้ามืดมีไข้ (วัดไข้ซ้ำอีกครั้งใน 1 ชั่วโมงต่อมา หากยังมีไข้ให้รีบมาโรงพยาบาลทันที โดยห้ามกินยา
      ลดไข้เด็ดขาด) หรือมีอาการหนาวสั่น ปวดศีรษะ โดยเฉพาะเมื่อมีไข้ในช่วง 7-14 วัน หลังได้รับยาเคมีบำบัด
    • มีจุดเลือดจ้ำเลือดขึ้นตามตัว หรือมีเลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล มีจุดแดงที่ตาขาว ลำตัว แขน และขา
    • อาการข้างเคียงต่าง ๆ มีความรุนแรงมากขึ้น เช่น ท้องเสียรุนแรง ปวดศีรษะรุนแรง
    • น้ำหนักเพิ่มขึ้น หรือลดลงอย่างรวดเร็ว
    • มีผื่น หรือตุ่มขึ้นตามร่างกาย
    • สูญเสียการทรงตัว

แจ้งแพทย์หรือพยาบาลหากมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมาก และไม่สามารถควบคุมได้

ข้อมูลบางส่วนคัดกรองมากจาก : chulacancer.net

เมื่อโรคมะเร็งเข้ามาทักทาย สะดุดได้แต่ห้ามล้ม

เมื่อโรคมะเร็งเข้ามาทัก..สะดุดได้แต่ห้ามล้ม-คุณโบ เสาวณิช -เพจแม่บ้านคีโม-www imurathailand

เมื่อโรคมะเร็งเข้ามาทักทาย สะดุดได้แต่ห้ามล้ม

เมื่อโรคมะเร็งเข้ามาทัก..สะดุดได้แต่ห้ามล้ม-คุณโบ เสาวณิช -เพจแม่บ้านคีโม-www imurathailand

ถ้านับเวลาถึงตอนนี้เป็นระยะเวลาเกือบ 8 ปีเต็มแล้ว ที่ คุณโบ-เสาวณิช ผิวขาว เจ้าของเพจ “แม่บ้านคีโม” เมื่อวันที่โรคมะเร็งเต้านม เข้ามาพรากความสุขและทำให้ชีวิตเอต้องสะดุดจนแทบจะรับมือไม่ไหว

อย่างที่บอกกันว่าโรคร้ายมักไม่มีสัญญาณเตือน … วันนี้เรามีนัดเจอกันที่บ้านหลังกว้าง ที่แบ่งสัดส่วนเป็นร้านอาหารเล็กๆ แบบ Home Kitchen คุณโบ สาวแว่นกลม เจ้าของบ้านและเจ้าของเรื่องราว ที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ ยาวนานให้เราได้ฟังกัน…..

ชื่อโบค่ะ..เสาวณิช ผิวขาว เจ้าของ คอลัมน์ “แม่บ้านคีโม” เป็นอดีตผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และ ปัจจุบันคือ ผู้ป่วยมะเร็งกระดูกระยะลุกลามค่ะ

โบรู้จักและมีโรคมะเร็งเป็นเพื่อน มาเป็นระยะเวลา 8 ปี แล้วค่ะ โบเลือกใช้วิธีการรักษาด้วยการแพทย์ปัจจุบันควบคู่กับการทำจิตใจให้เบิกบาน เลือกทานอาหารที่ปรุงสุขสดใหม่ในทุกๆวัน ด้วยโรคของโบ ไม่สามารถออกกำลังกายเหมือนคนปกติได้ จึงเลือกใช้วิธีการเข้าครัวทำอาหาร เป็นเครื่องมือช่วยให้โบได้ขยับแขน ขยับขา เสมือนได้ออกกำลังไปในตัว จนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติบนพื้นฐานการดูแลสุขภาพที่ดี ค่ะ

อยากแบ่งปันความรู้สึกถึงตอนที่ต้อง เตรียมตัวสำหรับการไปให้คีโมครั้งแรก แล้วต้องรับมือยังไงหลังจากให้แล้ว

ยาตัวแรกที่ต้องใช้สำหรับโบ นั่นคือ “ยาใจ” ค่ะ ซึ่งตัวยานั้นประกอบไปด้วยส่วนผสมหลากหลายชนิด เช่น •ยอมรับ •ปล่อยวาง •เชื่อมั่น •ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอให้เต็มกำลังความสามารถ

ก่อนการให้เคมีบำบัด ในครั้งแรก โบจะหาข้อมูลจากอินเตอร์เนทเกี่ยวกับวิธีเตรียมร่างกายให้พร้อมและสอบถามผู้ที่เคยมีประสบการณ์ (เพื่อนร่วมโรค) พอประมาณ จะไม่เจาะลึก หรือ หาผลเสียที่จะได้รับจากการให้เคมี มากเกินไปนัก เพราะจะทำให้เราขาดความมั่นใจ ไม่เชื่อมั่นในการรักษา มีภาวะความวิตกกังวลค่อนข้างสูงมากค่ะ หลักๆเลย โบจะใช้วิธีการดูแลเรื่องอาหารการกิน ปรุงสุกสดใหม่ทุกมื้อ เสริมโปรตีนจากพืชและสัตว์เพื่อสร้างเม็ดเลือดขาวให้แข็งแรงพร้อมรับมือ พักผ่อนให้มากๆ วางใจและเชื่อมั่นในแผนการรักษาของคุณหมอ ที่สำคัญคือ คิดถึงแต่ปัจจุบัน ไม่คิดไปก่อนล่วงหน้า อาทิเช่น คนอื่นบอกว่า ให้เคมีแล้วจะแพ้เคมี ทรมาน เป็นนู่นเป็นนี่ โบจะไม่คิดแบบนั้นค่ะ เพราะ 10 คนที่รักษา ผลข้างเคียงของเคมี จะแตกต่างกันออกไป ไม่เหมือนกันสักคน ความอดทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันด้วย เพราะฉะนั้น ต้องไม่เก็บประโยคเหล่านี้มาบั่นทอนจิตใจตัวเองค่ะ…แล้วการให้เคมีบำบัดครั้งแรกของโบก็ผ่านไป

สำหรับหลังให้เคมีบำบัด โบก็มีอาการข้างเคียงอยู่บ้าง แต่ละรอบอาการข้างเคียงจะไม่เหมือนกันนะคะ โบเลือกที่จะใช้เวลานี้ทำสมาธิ อยู่กับปัจจุบัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เฉพาะจุด ณ เวลานั้นๆ เช่นว่า หากมีอาหารเวียนศรีษะ,อาเจียน โบก็จะทานยาแก้อาเจียน เป็นต้น หากปวดบริเวณกระดูกสันหลัง โบก็จะทำสมาธิจับจุดว่าตอนนี้ปวดที่กระดูกหลังนะ จะไม่พาลเผลอคิดไปว่า ฉันปวดขา ปวดแขน ปวดตรงนั้นตรงนี้ เพราะแท้ที่จริงแล้ว เราปวดที่กระดูกสันหลังเพียงที่เดียวเท่านั้น ที่สำคัญคือ หลังให้เคมีบำบัดแล้ว โบจะไม่นอนซมเป็นผักเหี่ยวอย่างแน่นอนค่ะ โบจะพยายามกัดฟัน ลุกขึ้นมาขยับขาขยับแขนผ่านการทำอาหารง่ายๆทานเอง สูดอากาศดีๆยามเช้าและเย็น หรือ เขียนบทความสั้นๆเก็บไว้ถ่ายทอดประสบการณ์ต่อไป โบถือว่า ช่วงเวลาหลังให้เคมีบำบัด คือช่วงเวลาที่โบได้อยู่กับตัวเอง และได้พักผ่อนมากที่สุดแล้วค่ะ

เคยมีคนถามโบว่า ทำไมคีโมมันถึงช่วยโรคมะเร็งได้แค่ 50% อีก 50% คืออะไร

โบบอกได้เลยค่ะว่า เคมีบำบัดช่วยยับยั้งหรือทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกายเรา แต่อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ โบมีความเชื่อว่า “หมอใหญ่” คนสำคัญอีกหนึ่งคน คือ “ตัวเรา” โบหมั่นให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอว่า…มะเร็งเป็นเพียงโรคโรคหนึ่ง ที่เราต้องรับมือกับมัน และอย่าคิดว่า หากเป็นแล้วต้องเสียชีวิตอย่างเดียว…ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นโรคนี้กันได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้น เรา คือ “คนพิเศษ” เราควรมองว่านี่เป็นโอกาสอย่างหนึ่งที่เราจะสามารถมองหาข้อดีหรือประโยชน์จากการเป็นโรคนี้ได้ยังไงบ้าง ซึ่งการปรับความคิดทัศนคติให้เป็นบวกนั้นเป็น”เครื่องมือ”สำคัญมากในการต่อสู้กับ “โรคมะเร็ง” ค่ะ

โบหวังว่า ” คนพิเศษ ” หลายๆคน ที่ผ่านมาเจอเรื่องราวของโบวันนี้ก้าวผ่านวันคืนไปในทุกๆวัน ด้วยความสุขที่เราต้องมอบให้ตัวเอง เผื่อแผ่ให้คนรอบตัวเรา รอยยิ้มเล็กๆของเรา ก็จะสว่างสดใสในหัวใจตัวเองแล้วยังล้นไปถึงคนรอบตัว…

เชื่อโบเถอะคะ..ว่าเราคือ ” คนพิเศษ “

NK Cell คืออะไร

NK Cell คืออะไร?

NK CELL คืออะไร?

NK Cell คืออะไร?

NK Cell (Natural Killer Cell) หรืออาจเรียกว่า เซลล์นักฆ่าเพชรฆาต กล่าวคือ เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง (Cytotoxic lymphocyte) ที่มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติในร่างกาย ซึ่งมีหน้าที่ในการทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสและตอบสนองต่อการก่อตัวของเซลล์มะเร็งนั่นเองค่ะ

จะว่าไปแล้ว NK cell นั้นมีความสามารถที่พิเศษในการทำลายเซลล์แปลกปลอมที่เข้ามาสู่ร่างกายคือเรียกได้ว่า เมื่อมีเชื้อโรคเข้ามาสู่ร่างกายเรานั้น หาก NK Cell จับได้และรู้ว่าเป็นเซลล์ที่ผิดปกติไปต่างจากเม็ดเลือดขาวชนิดอื่นๆในร่างกายของคนเรานั้น NK Cell จะทำหน้าที่กำจัดโดยไม่ต้องรอการกระตุ้นใดๆ จากร่างกาย แอนตี้บอดี้และสารบนผิวเซลล์ (MHC: histocompatibility complex) เหมือนเม็ดเลือดขาวชนิดอื่นๆ ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันเร็วขึ้น จึงถูกขนานนามว่า “เซลล์นักฆ่าตามธรรมชาติ” นี้คือชื่อเรียกของ NK Cell

อย่างไรก็ตามในภาวะปกติ เม็ดเลือดขาว NK Cell พบได้ค่อนข้างน้อยในกระแสเลือด โดยพบเพียง 15% ของจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด ลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) ทั้งหมด อีกทั้งการศึกษาพบว่าจำนวนของเม็ดเลือดขาว NK Cell จะลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับอุบัติการณ์ของมะเร็งที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าเมื่อเรามีอายุเพิ่มขึ้น NK Cell ในร่างกายเราลดลงจึงทำให้เซลล์มะเร็ง ตัวร้ายกาจสามารถเข้ามาสู่ร่างกายเราได้ไวในช่วงที่เซลล์ของเราอ่อนแอลง


ถ้าเช่นนั้น NK Cell จะทำหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็ง?
และเราสามารถเพิ่ม NK Cell ได้ไหม?


หน้าที่ของ NK Cell ในการทำลายเซลล์มะเร็ง

The Effect in Removing Cancer Cells that are Generated Every Day ร่างกายของเรามีเซลล์ที่แบ่งตัวผิดปกติเกิดขึ้นนับเป็นพันเซลล์ต่อวัน NK Cell จึงมีหน้าที่ในการค้นหาและทำลายเซลล์ที่ผิดปกติเหล่านั้น ก่อนที่เซลล์ที่ผิดปกตินั้นจะมีโอกาสแบ่งตัวเพิ่มจำนวนจนแสดงออกเป็นโรคมะเร็งในที่สุด

The Effect in Preventing Recurrence and Metastasis of Cancer และในกรณีที่เซลล์มะเร็งนั้นแม้จะรักษาหายแล้วแต่ในความเป็นจริงอาจจะยังมีเซลล์ต้นกำเนิดโรคมะเร็งจำนวนเล็กน้อยที่ยังเล็ดรอดอยู่และรอคอยโอกาสในการแบ่งตัวเพิ่มจำนวน และกลับมาเป็นซ้ำในที่สุด

ดังนั้นหน้าที่หลักสำคัญของ NK Cell มีหน้าที่เฝ้าคอยตามหาเซลล์ผิดปกติดังกล่าวนี้และทำลาย กล่าวคือ NK Cell มีหน้าที่และบทบาทในการป้องกันการกลับมาเป็นโรคมะเร็งซ้ำอีก

The Effect in Enhancing Immune Response to Cancer คือกลไกการทำลายเซลล์มะเร็งของระบบภูมิคุ้มกันนั้น ต้องอาศัยการทำงานของร่วมกันของเซลล์เม็ดเลือดในระบบภูมิคุ้มกันหลายชนิดทั้ง Dendritic Cell และ Cytotoxic T Cell โดยพบว่า NK Cell จะช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์ดังกล่าวโดยการหลั่งไซโตไคน์หลายชนิด ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์มะเร็งได้มากขึ้น

ซึ่งปัจจุบันในทางการแพทย์นั้นสามารถตรวจ NK Cell Count และ NK Activity ได้เพื่อประเมินความสามารถในการทำลายเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็งของแต่ละบุคคลได้จากการเจาะเลือด

ดังนั้นผู้ที่ควรได้รับประโยชน์จากการตรวจคือผู้ป่วยที่ตรวจเลือดและมีระดับภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ ซึ่งนั้นหมายถึง กลุ่มคนที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้บ่อยขึ้น หรืออาจจะเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้ว อาจจะหายยากขึ้นรวมทั้งมีความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นด้วย

ดังนั้นคนเหล่านี้จึงได้รับการแนะนำการตรวจ NK cell ที่มีความเสี่ยงต่างๆ 12-14 เช่น

คนที่มีการติดเชื้อบ่อยครั้ง เช่น เป็นเริม งูสวัด โรคตับอักเสบ เป็นหวัดบ่อย เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอ หรือ บี, ไข้หวัดนก เป็นต้น

หากมีบุคคลในครอบครัวนั้นมีประวัติการเป็นโรคมะเร็ง มีสภาวะอ่อนล้าเรื้อรัง หรือมีประวัติการสูบบุหรี่ และดื่มอย่างหนัก และคนที่ต้องสัมผัสกับมลพิษจากสิ่งแวดล้อมเป็นระยะเวลานานด้วยอาชีพ และปัจจัยภายนอกอีกหลายประการควรได้รับการตรวจ หรือหาทางป้องกันตนเอง คนที่มีสุขภาพดีอยู่แล้วนั้นก็ควรได้รับการตรวจด้วยเช่นกัน หากพบเจอความผิดปกติจะได้ทำการรักษาได้ทันที

I.M.U.RA จึงเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มคนที่รักสุขภาพ รวมถึงผู้ป่วยที่มีประวัติการเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือการติดเชื้อไวรัส ก็สามารถรับอาหารเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกัน NK Cell ให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีมากขึ้นเพื่อกำจัดและรักษาเซลล์ที่เสื่อมสภาพ รวมทั้งเซลล์ที่กำลังอ่อนแอ ได้กลับมาแข็งแรงมากขึ้น ทำให้อายุคนเราอยู่ได้ยาวขึ้นปราศจากโรคภัย

เพราะยุคปัจจุบันวิวัฒนาการทำให้คนสะดวกสบายมากกว่าปกติ ขาดการดูแลเอาใจใส่ตนเอง ด้วยการแข่งขันในการดำเนินชีวิต ต้องทำงาน เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว แต่การหาเงินได้มากเท่าใด ไม่ดูแลรักษาร่างกายไม่เพิ่ม NK Cell เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ดีอาจจะเป็นคนที่ต้องได้รับการดูแลจากบุคคลอื่นแทน

ท่านอยากเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง หาเงินได้มาก หรือ คนที่ต้องใช้เงินทั้งชีวิตที่หาได้มาเพื่อรักษาโรคมะเร็ง และโรคร้ายอีกหลายๆ โรคที่เกิดขึ้นในอนาคต หากท่านพร้อมให้เราได้ดูแลติดต่อได้ที่ www.imurathailand.com มีเจ้าหน้าที่คอยตอบคำถามและให้คำปรึกษาท่านเป็นอย่างดี

สัญญาณเตือน! ว่าคุณอาจจะเป็นมะเร็งระยะเริ่มต้น

สัญญาณแจ้งเตือนทางร่างกายที่อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง โดยส่วนใหญ่ที่พบบ่อยที่สุด […]
Read More

ออกบูธ สวทช.

Read More

ออกบูธ โรงพยาบาลเปาโลรังสิต

/*! elementor - v3.18.0 - 20-12-2023 */ .elementor-heading-title{padding:0;margin:0;line-height:1}.elementor-widget-heading .elementor-heading-title[class*=elementor-size-]>a{color:inherit;font-size:inherit;line-height:inherit}.elementor-widget-heading […]
Read More
PreviousNext