Imurathailand

อาหารเสริมคนทำคีโม ต้องมีสารอาหารอะไรบ้าง บำรุงร่างกายอย่างไร

อาหารเสริมคนทำคีโม

อาหารเสริมคนทำคีโม

อาหารเสริมคนทำคีโมคืออะไร?

อาหารคือตัวช่วยที่จะทำให้ร่างกายของผู้ป่วยฟื้นฟูได้ดีขึ้น เพราะเป็นการเติมสารอาหารที่จำเป็นให้กับร่างกาย โดยปกติแล้วก่อนการทำคีโมแพทย์จะประเมินความพร้อมของร่างกายผู้ป่วยว่าแข็งแรงพอที่จะรับการรักษาด้วยคีโมได้หรือไม่ การทานอาหารเสริมจึงทานได้ทั้งก่อนการทำคีโมเพื่อให้ร่างกายพร้อมรับการรักษา และทานระหว่างหรือหลังการรักษาเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรง การเลือกอาหารเสริมจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารครบถ้วน ช่วยบำรุงร่างกายของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี

สารอาหารในอาหารเสริมคนทำคีโม พร้อมประโยชน์ต่อร่างกาย

อาหารเสริมคนทำคีโมควรมีสารอาหารที่ครบถ้วน จำเป็นต่อร่างกาย สามารถทานได้ง่าย มีปริมาณที่ทำให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารเพียงพอต่อวัน เนื่องจากสารอาหารแต่ละอย่างมีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกันไป เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารเหล่านั้นครบถ้วนก็จะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสารอาหารจำเป็นที่ต้องมีอยู่ในอาหารเสริมมีดังต่อไปนี้

โปรตีน
โปรตีนคือสารอาหารที่จำเป็นอันดับต้น ๆ ของอาหารเสริมคนทำคีโม

1.โปรตีน

โปรตีนคือสารอาหารที่จำเป็นอันดับต้น ๆ ของอาหารเสริมคนทำคีโม เพราะโปรตีนมีส่วนช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่ถูกมะเร็งทำลาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อและระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย อาหารเสริมที่เพิ่มโปรตีนให้กับร่างกายผู้ป่วยมักมาในรูปแบบของโปรตีนไข่ขาว เนื่องจากเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันต่ำ และเป็นแหล่งของกรดอะมิโนซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย

2.ธาตุเหล็กและสังกะสี

อาหารเสริมคนทำคีโมควรมีสารอาหารที่ช่วยเพิ่มและบำรุงเลือดให้กับร่างกายผู้ป่วยด้วย โดยธาตุเหล็กจะช่วยบำรุงในส่วนของเม็ดเลือดแดง ซึ่งมีหน้าที่ขนส่งออกซิเจนให้กับเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ในขณะที่สังกะสีจะช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เมื่อจำนวนเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นจนถึงเกณฑ์ที่กำหนดก็จะทำให้ร่างกายผู้ป่วยพร้อมรับการรักษาด้วยคีโมต่อไป

วิตามินและเกลือแร่
วิตามินที่สำคัญต่อร่างกายมีหลายชนิด แต่ที่ควรเน้นเป็นพิเศษในอาหารเสริมคนทำคีโม

3.วิตามินและแร่ธาตุ

วิตามินที่สำคัญต่อร่างกายมีหลายชนิด แต่ที่ควรเน้นเป็นพิเศษในอาหารเสริมคนทำคีโมคือวิตามินซีและวิตามินบี โดยวิตามินซีจะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ในขณะที่วิตามินบีจะช่วยบำรุงระบบประสาท นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งการทำงานของเซลล์มะเร็ง ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารเสริมเป็นสารสกัดจากผักผลไม้หลากสีนั่นเอง

ไขมัน

4.ไขมัน

ไขมันยังคงเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกายของผู้ป่วย แต่ต้องเป็นไขมันดีและอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น โดยเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมันปลาที่มีโอเมก้า 3 จะช่วยลดอาการปวดหรืออาการอักเสบตามร่างกาย ช่วยบำรุงผิวให้มีสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม การทานน้ำมันปลาในลักษณะอาหารเสริมควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพราะอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยทุกคน

จะเห็นได้ว่าอาหารเสริมคนทำคีโมคือการเสริมสร้างสารอาหารที่ร่างกายทุกคนควรได้รับ แม้จะเป็นผู้ป่วยมะเร็งสารอาหารเหล่านี้ก็ยังคงจำเป็นเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมรับการรักษาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น นอกจากอาหารเสริมแล้ว อาหารหลักของผู้ป่วยที่ทานควบคู่กันควรเป็นอาหารที่มีคุณภาพและดีต่อร่างกายของผู้ป่วยในทุก ๆ ด้านอีกด้วย

ข้อแนะนำในการดื่มอาหารเสริม

ผู้ป่วยควรได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอต่อความร่างกายของร่างกาย และควรได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ตามความเหมาะสมและตามกำลังของร่างกายที่สามารถทำได้ ควรเสริมอาหารหากร่างกายมีอาการข้างเคียงดื่ม I.M.U.RA เสริมเพิ่มภูมิคุ้มกัน อีกทั้งช่วยลดอาการต่างๆ ได้อย่างดี เช่นอาการอาเจียน เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ นอนไม่ค่อยหลับ ่เจ็บลิ้น เจ็บปาก ปากเป็นแผล ผมร่วง

วิตามินแร่ธาตุต่างๆในสารอาหารจะช่วยซ่อมแซมและบำรุงระดับชั้นเซลล์ เช่นผมร่วง ช่วยให้ผมที่ขึ้นใหม่แข็งแรง ลองสังเกตุคนทำคีโม เมื่อผมขึ้นใหม่จะสวยมากๆ เลยค่ะ

วิธีดื่ม I.M.U.RA ดื่มก่อนนอนวันละ 1 แก้ว และควรรับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ อาหารเสริมเหมาะกับสภาพแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน บางท่านอาจจะมีอาการแพ้ในเบื้องต้น เวียนศีรษะ มึนศีรษะ แนะนำให้ทานแล้วนอน เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพสร้างสมดุลก่อน และทดลองทานในช่วง 1 สัปดาห์แรก และควรทานต่อเนื่องจนกว่าจะจบกระบวนการรักษา

แต่หากท่านใดมีอาการแพ้เวียนศีรษะ อาจจะลองหยุดทานสัก 1-2 วัน แล้วลองกลับมาทานใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างร่างกายต้องมีการปรับสภาพก่อนนะคะ

ปรึกษาปัญหาสุขภาพติดต่อช่องทาง Line : Imuramamasita

ผลกระทบหลังทำคีโมเกิดจากอะไร ต้องรับมืออย่างไรบ้าง

ผลกระทบหลังทำคีโม
ผลกระทบหลังทำคีโม
ผลกระทบหลังทำคีโมที่หลายคนรู้จักคืออาการผมร่วง แต่ที่จริงแล้วการทำคีโมมีผลกระทบต่อร่างกายหลายด้านไม่ใช่เฉพาะผมร่วงอย่างเดียว ผู้ป่วยที่ได้รับการทำคีโมจึงต้องรับมือด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นอาการอ่อนเพลีย อาการเจ็บปวดตามร่างกาย ระบบการขับถ่ายผิดปกติ ทานอาหารได้น้อยลง และอื่น ๆ ถึงแม้อาการจากผลข้างเคียงเหล่านี้จะหายได้หลังสิ้นสุดกระบวนการรักษา แต่ถ้าหากรับมือกับอาการเหล่านี้ได้อย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้ทำกิจวัตรประจำวันได้ดีมากขึ้น

ผลกระทบหลังทำคีโมรับมือได้ ด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี

ผลกระทบหลังทำคีโมเกิดจากการที่สารเคมีในตัวยาที่ใช้รักษาร่างกายทำปฏิกิริยาเซลล์ในร่างกาย เพราะถึงแม้ว่าจุดประสงค์หลักในการทำคีโมคือการทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกาย แต่สารเคมีที่ใช้ในการรักษาก็สามารถส่งผลกระทบไปยังระบบอื่น ๆ ในร่างกายได้ด้วย จึงทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมานั่นเอง การรับมือผลข้างเคียงเพื่อบรรเทาอาการเป็นการดูแลตัวเองเพื่อส่งเสริมการรักษาอีกทางหนึ่ง ซึ่งสามารถทำได้ตามวิธีการเหล่านี้
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารและการดื่มน้ำ
ผลกระทบหลังทำคีโมที่เกิดขึ้นกับระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายคืออาการท้องผูก ท้องเสีย คลื่นไส้ และอาเจียน จึงต้องปรับพฤติกรรมการทานอาหารด้วยการทานในปริมาณน้อยแต่แบ่งออกเป็นมื้อย่อย ๆ หลายมื้อต่อวัน ลักษณะของอาหารควรอ่อนนุ่ม ทานง่าย ย่อยง่าย มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างเพียงพอ ทานผักผลไม้โดยหลีกเลี่ยงชนิดที่ทำให้ท้องอืด ระหว่างทานให้เคี้ยวอย่างละเอียด ทานช้า ๆ ไม่รีบเร่ง นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อวัน โดยใช้วิธีค่อย ๆ จิบ จิบบ่อย ๆ หรือเสริมด้วยจิบเกลือแร่บ่อย ๆ เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำและอ่อนเพลียจากอาการท้องเสีย
2. พักผ่อนให้เพียงพอทั้งร่างกายและจิตใจ
ผลกระทบหลังทำคีโมทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย จึงจำเป็นต้องนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยนอนตามเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายมีระบบการพักผ่อนที่สม่ำเสมอ ไม่ควรนอนระหว่างวันมากเกินไปแต่ให้กำหนดเป็นเวลางีบเป็นช่วง ๆ ไม่เกิน 20 นาทีต่อครั้ง แต่ผู้ป่วยหลายคนมักมีภาวะนอนไม่หลับ จึงต้องอาศัยการพักผ่อนด้านจิตใจด้วย โดยทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียดง่าย หางานอดิเรกที่ชอบมาทำเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง
ผม ขน และผิวหนังของผู้ป่วยหลังทำคีโมจะอ่อนแอและบอบบางกว่าปกติ ผลกระทบหลังทำคีโมจึงทำให้เกิดอาการผมร่วง ผิวแห้ง ปากแห้ง มีรอยแดงและรอยช้ำเกิดขึ้นได้ง่าย การดูแลสุขอนามัยของศีรษะและผิวหนังจึงต้องอาศัยความอ่อนโยน ไม่ขัดถูแรง ๆ ไม่ใช้น้ำร้อนอาบหรือสระผม รวมถึงใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิวที่มีความอ่อนโยน ทั้งสบู่ แชมพูสระผม ลิปมัน แปรงสีฟันขนนุ่ม และยาสีฟันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เพื่อบำรุงผิวไม่ให้เกิดอาการแพ้และอาการระคายเคืองต่าง ๆ เข้ามารบกวนเพิ่มมากขึ้น
ผลกระทบหลังทำคีโมอาจทำให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ลำบากกว่าปกติ แต่ถ้าหากได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง พักผ่อนให้เพียงพอ และได้รับการดูแลสภาพจิตใจควบคู่กันไปด้วย ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังใจ ไม่ท้อถอย มีแรงใจที่จะดูแลตัวเองตลอดกระบวนการรักษา เมื่อสิ้นสุดการรักษาแล้วก็ควรสังเกตอาการและดูแลตัวเองอย่างถูกต้องต่อไปเพื่อให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น

5 วิธีการฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโม

ฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโม

ฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วยหลังคีโม

คีโมเทอราปี (Chemotherapy) หรือที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า “คีโม” คืออะไร?

ความหมายของคำว่า “คีโม (Chemotherapy) คือ การใช้ยาเคมีบำบัด ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการรักษาโรคมะเร็ง โดยมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ทั้งการรักษาและควบคุมเซลล์มะเร็ง รวมไปถึงช่วยประคับประคองอาการในกรณีที่มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่นจนไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งด้วยผลข้างเคียงหลังทำเคมีบำบัด ร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบของเคมีบำบัด เช่น

  • เบื่ออาหาร
  • แผลร้อนในภายในปากและลิ้น
  • เจ็บปวดกระดูก
  • ฝ่ามือฝ่าเท้าเหมือนเข็มทิ่มตำ
  • มือเท้าชา
  • ปวดเมื่อย
  • ภูมิต้านทานโรคลงลง
  • ขาดสารอาหาร

5 วิธีการฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโม

หลังการทำคีโมจึงต้องฟื้นฟูสุขภาพในทุกด้าน ด้วย 5 วิธีการ ฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโม ได้แก่

รับประทานอาหารให้เพียงพอเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ

การรับประทานอาหารมีส่วนสำคัญต่อการ ฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโม เพราะจะช่วยให้ร่างกายได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะช่วยในการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น โดย ผลข้างเคียงคีโม ที่พบได้บ่อย คือ มีอาการเบื่ออาหารและปากเป็นแผล ทำให้ผู้ป่วยอาจขาดสารอาหารและส่งผลต่อการรักษาโรคได้ เช่นเกล็ดเลือดต่ำ เลือดไม่เพียงพอ เม็ดเลือดแดงและขาวน้อย แนวทางแก้ไขเบื้องต้นคือแบ่งการรับประทานอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ 5-6 มื้อต่อวัน แต่ถ้าหากคนไข้รับประทานอาหารแบบปกติได้น้อยมาก ก็สามารถรับประทานอาหารทางการแพทย์ ซึ่งมีขายตามโรงพยาบาล ร้านขายยา หรือห้างสรรพสินค้าทดแทนได้

5 วิธีการฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโม

รับประทานอาหารที่มีความเหมาะสม

การรับประทานอาหารให้มีความเหมาะสมเพื่อ เสริมภูมิต้านทาน เป็นสิ่งจำเป็นต่อผู้ป่วยมะเร็ง โดยอาหารที่เหมาะสำหรับฟื้นฟูสุขภาพหลังการทำคีโม มีหลายสิ่งที่ต้องใส่ใจ เช่น รับประทานอาหารปรุงสุกและเลี่ยงอาหารหมักดองเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีผลทำให้เซลล์มะเร็งเจริญได้มากขึ้น และรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงเพื่อช่วยให้กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวและช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโม

เลือกอยู่ในสิ่งแวดล้อมดี

สิ่งแวดล้อมมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพ โดยหลังจากการให้คีโมจะมีผลทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายอ่อนแอลง ผู้ป่วยจึงต้องหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีมลภาวะเป็นพิษ เช่น บริเวณที่มีการสูบบุหรี่ บริเวณที่ต้องสูดดมควันจากท่อไอเสีย และหากจำเป็นต้องออกไปข้างนอกก็ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรค

ฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโม

ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นวิธีหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยมะเร็ง โดยเริ่มจากกิจกรรมเบา ๆ ก่อน เช่น การเดินหรือปั่นจักรยาน แต่ถ้าออกกำลังแล้วรู้สึกถึงความผิดปกติ เช่น เจ็บหน้าอก หน้ามืด เหนื่อยง่าย หรือภาวะอื่น ๆ ที่ผิดปกติ ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังในครั้งถัดไป

ฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโม

ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการท้องผูก จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ทั้งนี้หากพบว่ามีปัญหาเรื่องแผลในปากด้วย แนะนำเลือกผลไม้ที่มีความนิ่ม เช่น มะละกอ แอปเปิล แก้วมังกร หรือปั่นเป็นน้ำผลไม้ไม่แยกกาก ก็จะช่วยให้ได้รับใยอาหารที่เพียงพอและช่วยในการขับถ่ายได้ดีขึ้น

บทสรุปในการฟื้นฟูสุขภาพ

ผลข้างเคียงคีโม เกิดจากการที่ยาเข้าไปทำลายทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ที่มีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วเป็นปกติ เช่น เซลล์เม็ดเลือด เส้นผม รังไข่ ลูกอัณฑะ และเยื่อบุทางเดินอาหาร ร่างกายจึงต้องได้รับการ เสริมภูมิต้านทาน เพื่อที่จะป้องกันอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงในเร็ววัน เหล่านี้เป็น 5 วิธีการฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโมที่ได้ผลเมื่อทำอย่างมีวินัยและต่อเนื่อง นำไปปรับใช้เพื่อดูแลผู้ป่วยมะเร็งในครอบครัวของคุณได้

ขอบคุณที่มาข้อมูลเว็บไซต์

พบแพทย์ ดอท คอม
รพ.พญาไท
รพ.จุฬา
รพ.เปาโล

Tag : คีโม | คนทำคีโม | ก่อนเข้ารับคีโม | เคมีบำบัด | ฟื้นฟูสุขภาพหลังคีโม

 

 

5 อาการหลังให้คีโมผลข้างเคียงและวิธีบรรเทาอาการที่ผู้ป่วยมะเร็งควรรู้

คีโมผลข้างเคียง

มะเร็งโรคร้ายที่ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยว ไม่ว่าจะป่วยเป็นโรคมะเร็งเองหรือเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว ก็ล้วนสร้างความทุกข์ใจให้กับทุกคนทั้งสิ้น แต่เราไม่ได้เป็นคนเลือกมะเร็ง แต่มะเร็งต่างหากที่เป็นคนเลือกเราเอง ฉะนั้นถ้าเลือกไม่ได้หากมันเกิดขึ้นแล้วก็จงอยู่กับมันอย่างมีความหวังและมีความสุข เพราะปัจจุบันการแพทย์ก้าวหน้าไปมาก โรคมะเร็งจึงไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป มีวิธีรักษาที่มอบโอกาสหายขาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการให้คีโมหรือยาเคมีบำบัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง เป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาที่จะช่วยปกป้องคุณจากโรคร้ายนี้ได้ แต่ด้วยฤทธิ์ของยาเคมีบำบัดที่เข้าไปทำลายเซลล์มะเร็ง อาจส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติของร่างกาย จนทำให้หลังให้คีโมผลข้างเคียงที่ตามมาส่งผลต่อผู้ป่วยไม่น้อยเลยทีเดียว
มาดูกันว่า 5 อาการหลัก ๆ หลังให้คีโมที่ผู้ป่วยมะเร็งต้องเจอจะมีอะไรบ้าง พร้อมวิธีบรรเทาอาการให้สามารถผ่านช่วงเวลาทรมานนี้ไปได้อย่างไม่ลำบากมากนัก

คีโมผลข้างเคียง

5 อาการที่ผู้ป่วยมะเร็งต้องเจอหลังให้คีโมผลข้างเคียงที่คุณเตรียมรับมือได้

1.ผมหลุดร่วง (คีโมผลข้างเคียง)

ผมร่วง คือ หนึ่งในอาการที่ผู้ป่วยมะเร็งต้องเจอหลังให้คีโมผลข้างเคียงที่ทำร้ายจิตใจผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยผู้หญิงมากพอสมควร แต่คุณสามารถตั้งรับผลข้างเคียงนี้ได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

– ใช้แชมพูเด็กที่มีฤทธิ์อ่อน ๆ
– เปลี่ยนจากการใช้หวีมาเป็นใช้แปรงนุ่ม ๆ หวีผมแทน และไม่ต้องหวีบ่อย
– ใส่น้ำมันบำรุงเส้นผมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ
– หากหลุดร่วงมากให้ตัดผมสั้น หรือโกนผม เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล
– หันมาเสริมความงามให้กับศีรษะด้วยวิกผม ที่ปัจจุบันมีแบบสวย ๆ และเหมือนผมจริงให้เลือกมากมาย

2.คลื่นไส้ อาเจียน (คีโมผลข้างเคียง)

หลังให้คีโมประมาณ 3 ชั่วโมงแรก หรือนานกว่านั้น โดยแตกต่างกันไปตามสุขภาพของผู้ป่วย ผู้ป่วยจะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เรอเปรี้ยวออกมา เนื่องจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดที่ได้รับ รวมไปถึงความเครียดที่เกิดจากการให้คีโมผลข้างเคียงจึงแสดงออกมาในลักษณะนี้ ซึ่งสามารถป้องกันหรือบรรเทาอาการ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

– ทานอาหารเหลวที่ย่อยง่าย รสชาติจืด ไม่จัดจ้าน
– หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นรุนแรง เพราะจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้
– รับประทานครั้งละน้อย ๆ แต่ทานบ่อย ๆ
– แปรงฟันหลังมืออาหารทุกครั้ง
– ทานยาแก้อาเจียนที่แพทย์ให้มา

3.มีจ้ำเลือดบนผิวหนัง (คีโมผลข้างเคียง)

คีโมที่ให้จะส่งผลข้างเคียงทำให้เกล็ดเลือดต่ำ เลือดจึงหยุดไหลช้า รวมถึงเกิดรอยจ้ำเลือดตามตัว วิธีบรรเทาอาการสามารถทำได้ดังนี้

– ระวังตัวให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการกระทำที่สุ่มเสี่ยงให้เกิดแผล ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่ อาทิ เปลี่ยนมาใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม เปลี่ยนมีดโกนจากใบมีดโกนเป็นที่โกนหนวดไฟฟ้า รวมถึงกิจกรรมผาดโผนที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเลือดตกยางออก
– หลีกเลี่ยงการซื้อยาทานเอง โดยเฉพาะยาประเภทแอสไพริน ยาแก้ปวดต่าง ๆ เพราะกลุ่มยาประเภทนี้จะส่งผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด

4.ระบบขับถ่ายผิดปกติ (คีโมผลข้างเคียง)

การให้คีโมผลข้างเคียงเกิดขึ้นกับระบบต่าง ๆ ในร่างกายหลาย ๆ ส่วน ไม่เว้นแม้แต่ระบบขับถ่ายที่อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก หรือท้องร่วงได้ โดยวิธีบรรเทาอาการมีดังนี้
– เลือกทานอาหารที่ดีต่อระบบขับถ่าย ย่อยง่าย สุก สดใหม่ และสะอาด
– ดื่มน้ำมาก ๆ เพิ่มน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพเสริมเข้าไป
– งดดื่มนมและของกินต่าง ๆ ที่มีส่วนผสมของนม เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้แลคโตสได้
– ถ้าอาการยังรุนแรงเกิน 3 วัน ควรรีบติดต่อแพทย์โดยด่วน

5.เกิดแผลในช่องปาก (คีโมผลข้างเคียง)

แผลในช่องปากเป็นอีกหนึ่งอาการที่เกิดหลังให้คีโมผลข้างเคียงที่ทำให้คุณทานอาหารได้น้อยลง แต่ก็ยังสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
– เปลี่ยนมาใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่มอ่อน
– ทานอาหารอ่อนที่มีอุณหภูมิห้อง ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป
– งดทานอาหารรสจัด
– ดื่มน้ำมาก ๆ และทาลิปมันอยู่ตลอด
– บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าเรื่อย ๆ เพื่อให้ภายในช่องปากชุ่มชื้น
– งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

แม้หลังให้คีโมผลข้างเคียงอาจจะทำให้ผู้ป่วยวิตกกังวลจนเกิดอาการเครียดอยู่บ้าง แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ นำวิธีที่เรานำมาฝากช่วยบรรเทาอาการให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ง่ายขึ้น เพราะผลข้างเคียงที่เกิดนี้เป็นเพียงแค่อาการชั่วคราวเท่านั้น พอยาหมดฤทธิ์อาการจะหายไปและร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ แต่อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยมีอาการแพ้คีโมรุนแรง แนะนำว่าควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

🧬 I.M.U.RA 🧬

อาหารเสริม ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการข้างเคียงคีโม
เพิ่มภูมิคุ้มกัน จากสารสกัดจากธรรมชาติ
สูตรเฉพาะจากงานวิจัย ที่ทำให้ประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันสูงสุด

ในอาหารเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกัน I.M.U.RA นั้นมีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายในการเพิ่มภูมิคุ้มกันถึง 9 ชนิด เรามาดูกันว่าแต่ละชนิดนั้นมีคุณสมบัติอย่างไร

ส่วนประกอบสารสกัดที่สำคัญ

Grape Skin Extract
มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ อีกทั้งยังปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน และกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน NK Cell เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

Cranberr Extract
มีคุณสมบัติช่วยลด Creatinine ในผู้ป่วยเบาหวานและมีสารโพลีฟีบอลที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์จากความเสื่อมและช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย

Berry Extract
มีคุณสมบัติ Anthocyanins ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นการสร้างภูมิคุมกันอีกทั้งยังช่วยยับยั้งไวรัสได้ในระดับดีอีกด้วย

Magnesium Amino Acid Chelated
มีคุณสมบัติช่วยในการนอนหลับ โดยเป็นตัวที่ช่วยในการสร้างสารเมลาโทนิน ช่วยปรับสมดุลเซโรโทนินในร่างกายให้หลับลึกสบาย ช่วยให้ร่างกายเกิดการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ในขณะที่ร่างได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่จะทำให้ร่างกายฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างมีประสิทธิภาพ

D Salina
คุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้าง โกรทแฟคเตอร์ ซึ่งเป็นตัวช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่ออื่นๆ

Inulin
คุณสมบัติส่งเสริมให้จุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้เจริญโต ช่วยป้องกันการติดเชื้อและปรับสภาวะสมดุลของลำไส้ ทำให้ช่วยลดอาการท้องผูก อันเป็นสาเหตุที่อาจจะทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้

Vitamin B
คุณสมบัติในการรักษาสุขภาพช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง อีกทั้งวิตามินบียังช่วยเรื่องของการทำงานสมองและบำรุงระบบประสาท คนที่มีอาการมือชา เท้าชา หรือปวดเมื่อยตามนิ้วมือนิ้วเท้า หรือข้อต่างๆ นั่นคือสาเหตุของการขาดวิตามิน B นั่นเอง

Vitamin C
คุณสมบัติของวิตามินซี นอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังชะลอความเสื่อมของเซลล์ กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันและ NK Cell แล้ว ยังช่วยเรื่องของชะลอวัย ช่วยเรื่องผิวพรรณให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกด้วยค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ สารอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้ง 9 ชนิดเรียกได้ว่าสารอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันเหล่านี้เราคงไม่สามารถที่จะหาอาหารที่มีความสมบูรณ์ครบองค์ประกอบทั้งหมด เพื่อนำรับประทานให้ได้ปริมาณที่เพียงพอ ดังนั้นการทานอาหารเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกัน จึงมีความจำเป็นเพราะในสารอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันในเครื่องดื่ม I.M.U.RA นั้นเราสกัดจากสารอาหาร ที่ให้ความเป็นธรรมชาติและคงความสมบูรณ์ของวิตามินแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายสามารถดึงไปใช้ได้ในทันทีหลังจากที่ดื่ม  ดังนั้นการดื่มอาหารเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกัน NK Cell ของ I.M.U.RA นั้นให้ดื่มขณะตื่นนอนดีที่สุดเพราะร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที

อาหารเสริมจะใช้ได้ผลหรือดูดซึมได้ดีนั้นต้องประกอบกับร่างกายของแต่ละบุคคล ผลลัพธ์จะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการทานอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 6-12 เดือน จึงเห็นผลที่แน่ชัดที่สุด อาหารเสริมไม่ใช่ยารักษาโรค จึงควรทานคู่กับยาที่แพทย์สั่งทุกครั้งโดยเว้นระยะห่างจากการดื่มอาหารเสริม 1-2 ชม.

หน้าที่และการทำงานของ I.M.U.RA 

อิมูร่าเค้าจะเข้าไปดูแลในส่วนที่เป็นผลข้างเคียงจากคีโม เช่น อาเจียน อักเสบในช่องปากและหลอดอาหาร นอนไม่หลับ การอักเสบทั้งหมดที่เกิดภายใน
กระตุ้นเม็ดเลือดขาว ชนิด nk cell และ nk cell activities ให้เพิ่มขึ้นและทำงานเต็มที่ เพื่อเตรียมร่างกายให้อยู่ในความสมบูรณ์เต็มที่ พร้อมให้คีโม ฉายแสง หรือยาพุ่งเป้า
หลังจากที่ทานอิมูร่าแล้ว สารสกัด Resveratrol ในอิมูร่าจะเข้ามาดูแลเรื่องของเซลล์ที่ถูกทำลายจากคีโม เสริมสร้างเซลล์เกิดใหม่ เราเรียกว่าเซลล์เด็ก เมื่อคีโมเข้าร่างกายเค้าทำลายทั้งัเซลล์ร้ายและดีที่ตาย อิมูร่าก็จะเจ้าไปดูตรงนั้น ลดการอักเสบในระดับเซลล์
และยังมีCb drive ช่วยในเรื่องของลดผลข้างเคียง คีโม เช่น ความเจ็บปวด อาเจียน และช่วยเรื่องการนอนหลับค่ะ
CB DRIVE คือ สารสกัดที่ให้ฤทธิ์เทียบเท่ากัญชา ทั้งหมดจะเป็นกลไกการทำงานของอิมูร่า ซึ่งสารสกัดนี้ได้มาจากเมล็ดองุ่น ดังนั้นผู้ป่วยที่จะเริ่มต้นดื่มอิมูร่า ไม่ต้องกังวลว่าจะติดเพราะไม่ใช่สารสกัดจากกัญชาโดยตรง ถึงแม้ว่าจะมีสารสกัดจากน้ำมันกัญชา ซึ่งก็ใช้ปริมาณที่ต่ำมากๆ

วิธีการดื่มอิมูร่าให้ได้ผล

ข้อแนะนำควรดื่มอย่างต่อเนื่องทุกวัน เดือนละ 1 กล่อง (1กล่องดื่มได้ 28 วัน)
อย่าลืมว่าเซลล์ที่ถูกทำลายด้วยภาวะของโรค ซ้ำด้วยเคมี มันไม่ง่ายที่จะสร้างตัวเองให้แข็งแรงด้วยซ้ำ อย่างที่ลูกค้าบอกคะ ว่าอนาคตไม่รู้แต่ถ้าเราเตรียมพร้อมไว้

ภูมิคุ้มกันมีมากจนเวลาที่ถูกทำลายด้วยคีโมเค้าก็ยังมีเหลือ แต่ถ้าเราไม่มีอะไรช่วยเลย ทุกๆครั้งของการรับเคมีเข้ามา ถ้าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปมันสร้างได้ไม่พอ หรือช้ากว่าที่จะช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเคมีได้ เวลามันย้อนกลับไม่ได้ เพียงวันละไม่ถึง 70 บาทพร้อมดื่มวันนี้หรือยัง? ดื่มจบตามแผนการรักษา ก็หยุดทานได้ตามปกติ หรือทานต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันไวรัส


ฟื้นฟูร่างกาย|imura| อาหารเสริมสำหรับคนทำคีโม| แพ้คีโม| เคมีบำบัด|ผลข้างเคียงคีโม| โรคมะเร็ง| cancer|chemotherapy|ภูมิบําบัด มะเร็ง|การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด|Immunotherapy|

คีโมผลข้างเคียงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

การให้คีโมผลข้างเคียงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

รักษามะเร็งด้วยการให้คีโมผลข้างเคียงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

การให้คีโมผลข้างเคียงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเมื่อผ่านการรักษาสักระยะ จะเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาด้วยคีโมหรือเคมีบำบัด (Chemotherapy) วิธีรักษาที่ผู้ป่วยหลาย ๆ คนกลัวที่จะต้องรักษาด้วยวิธีนี้ จากคำบอกเล่าแบบปากต่อปากเกี่ยวกับอาการหลังให้คีโมผลข้างเคียงที่ทำให้กำลังใจในการรักษาหดหายไปพอสมควร ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้วยคีโมของผู้ป่วย ผู้ป่วยบางคนเลือกที่จะปฏิเสธการรักษาด้วยวิธีนี้ วันนี้เราจึงนำข้อมูลที่ถูกต้องมาบอกต่อให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้น ว่าจริง ๆ แล้วการให้คีโมผลข้างเคียงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย

คลายความสงสัย เพราะเหตุใดผู้ป่วยมะเร็งถึงต้องให้คีโมผลข้างเคียง

คีโมหรือเคมีบำบัด (Chemotherapy) คือ การนำยาหลากหลายรูปแบบเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีกินหรือฉีด ทั้งนี้ก็เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ทำลายเซลล์มะเร็ง และป้องกันการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้การให้คีโมจึงเป็นวิธีรักษามะเร็งที่สำคัญ ที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเพื่อป้องกันการลุกลามและแพร่กระจาย จนอาการป่วยทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องกังวลใจกับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น เพราะที่จริงแล้วผลข้างเคียงนั้นเป็นเพียงแค่อาการชั่วคราว พอเคมีบำบัดที่ได้รับหมดฤทธิ์ร่างกายก็จะกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมกับเซลล์มะเร็งในร่างกายที่ถูกทำลายไป

7 อาการที่พบมากหลังให้คีโมผลข้างเคียงที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกลัว

ผู้ป่วยมะเร็งแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งประเภทไหน หลังให้คีโมผลข้างเคียงที่เกิดจะเป็นมากเป็นน้อยแตกต่างกันไป โดย 7 อาการที่พบมากมีดังต่อไปนี้
1. ผมหรือขนตามร่างกายหลุดร่วง
2. มีไข้หนาวสั่น
3. คลื่นไส้ พะอืดพะอม และอาเจียน
4. ช้ำเป็นจ้ำ และเลือดออกง่าย
5. ปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
6. เกิดปัญหากับระบบขับถ่าย อาทิ ท้องผูก ท้องเสีย ถ่ายเหลว กั้นอุจจาระไม่ได้
7. ติดเชื้อง่ายขึ้นกว่าปกติ

สาเหตุที่หลังให้คีโมผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย

ด้วยตัวยาเคมีบำบัดที่จำเป็นต้องใช้ยาที่มีฤทธิ์แรงและใช้หลากหลายขนาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะยับยั้งและทำลายเซลล์มะเร็ง ทำให้ผู้ป่วยที่รับคีโมเกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ตามมาค่อนข้างมาก ซึ่งอาการเหล่านี้หลาย ๆ คนเรียกว่า อาการแพ้คีโมนั่นเอง โดยอาการแพ้คีโมผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันออกไป บางคนเป็นมากบางคนเป็นน้อย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสุขภาพร่างกายของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ยิ่งดูแลรักษาสุขภาพร่างกายดี ปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด ผลข้างเคียงที่เกิดก็จะน้อย เพราะร่างกายแข็งแรงพอที่จะต้านฤทธิ์ยาได้

ได้ทราบกันไปแล้วว่าการรักษามะเร็งด้วยการให้คีโมผลข้างเคียงที่เกิดนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ซึ่งไม่ว่าผู้ป่วยจะเกิดอาการแพ้คีโมมากหรือน้อยเพียงใดก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าอาการของโรคมะเร็งจะทรุดหรือทวีความรุนแรงตามผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น เป็นเพียงแค่อาการที่เกิดหลังได้รับเคมีบำบัดเท่านั้น แต่ถึงแม้จะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหลังให้คีโมก็ควรมีคนในครอบครัวดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยดูแลให้ผู้ป่วยข้ามผ่านความทรมานนี้ไปได้ง่ายขึ้น แถมยังช่วยเพิ่มกำลังใจให้กับผู้ป่วยมะเร็งได้อีกด้วย เพราะการมีกำลังใจที่ดี คือ หัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคมะเร็งได้

🧬 I.M.U.RA 🧬

อาหารเสริม ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการข้างเคียงคีโม
เพิ่มภูมิคุ้มกัน จากสารสกัดจากธรรมชาติ
สูตรเฉพาะจากงานวิจัย ที่ทำให้ประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันสูงสุด

หน้าที่และการทำงานของ I.M.U.RA 

อิมูร่าเค้าจะเข้าไปดูแลในส่วนที่เป็นผลข้างเคียงจากคีโม เช่น อาเจียน อักเสบในช่องปากและหลอดอาหาร นอนไม่หลับ การอักเสบทั้งหมดที่เกิดภายใน
กระตุ้นเม็ดเลือดขาว ชนิด nk cell และ nk cell activities ให้เพิ่มขึ้นและทำงานเต็มที่ เพื่อเตรียมร่างกายให้อยู่ในความสมบูรณ์เต็มที่ พร้อมให้คีโม ฉายแสง หรือยาพุ่งเป้า
หลังจากที่ทานอิมูร่าแล้ว สารสกัด Resveratrol ในอิมูร่าจะเข้ามาดูแลเรื่องของเซลล์ที่ถูกทำลายจากคีโม เสริมสร้างเซลล์เกิดใหม่ เราเรียกว่าเซลล์เด็ก เมื่อคีโมเข้าร่างกายเค้าทำลายทั้งัเซลล์ร้ายและดีที่ตาย อิมูร่าก็จะเจ้าไปดูตรงนั้น ลดการอักเสบในระดับเซลล์
และยังมีCb drive ช่วยในเรื่องของลดผลข้างเคียง คีโม เช่น ความเจ็บปวด อาเจียน และช่วยเรื่องการนอนหลับค่ะ
CB DRIVE คือ สารสกัดที่ให้ฤทธิ์เทียบเท่ากัญชา ทั้งหมดจะเป็นกลไกการทำงานของอิมูร่า ซึ่งสารสกัดนี้ได้มาจากเมล็ดองุ่น ดังนั้นผู้ป่วยที่จะเริ่มต้นดื่มอิมูร่า ไม่ต้องกังวลว่าจะติดเพราะไม่ใช่สารสกัดจากกัญชาโดยตรง ถึงแม้ว่าจะมีสารสกัดจากน้ำมันกัญชา ซึ่งก็ใช้ปริมาณที่ต่ำมากๆ

วิธีการดื่มอิมูร่าให้ได้ผล

ข้อแนะนำควรดื่มอย่างต่อเนื่องทุกวัน เดือนละ 1 กล่อง (1กล่องดื่มได้ 28 วัน)
อย่าลืมว่าเซลล์ที่ถูกทำลายด้วยภาวะของโรค ซ้ำด้วยเคมี มันไม่ง่ายที่จะสร้างตัวเองให้แข็งแรงด้วยซ้ำ อย่างที่ลูกค้าบอกคะ ว่าอนาคตไม่รู้แต่ถ้าเราเตรียมพร้อมไว้

ภูมิคุ้มกันมีมากจนเวลาที่ถูกทำลายด้วยคีโมเค้าก็ยังมีเหลือ แต่ถ้าเราไม่มีอะไรช่วยเลย ทุกๆครั้งของการรับเคมีเข้ามา ถ้าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปมันสร้างได้ไม่พอ หรือช้ากว่าที่จะช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเคมีได้ เวลามันย้อนกลับไม่ได้ เพียงวันละไม่ถึง 70 บาทพร้อมดื่มวันนี้หรือยัง? ดื่มจบตามแผนการรักษา ก็หยุดทานได้ตามปกติ หรือทานต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันไวรัส

อาหารที่มะเร็งชอบ ควรเลี่ยง!

อาหารที่มะเร็งชอบ ควรเลี่ยง

5 อาหารมะเร็งชอบ ควรเลี่ยง

5 อาหารที่มะเร็งชอบ ควรเลี่ยงรับประทาน

หากจะพูดถึงเรื่องการรับประทานแล้วละก็คงจะเป็นความสุขของใครหลายๆคนรวมถึงผู้เขียนด้วยเช่นกัน ที่จะมีความสุขไปกับการกินของอร่อยและของที่โปรดปรานเรียกว่าหยุดกินไม่ได้เลยทีเดียว แต่ทว่าการกินที่เราไม่เลือกคัดสรร อาหารเหล่านี้อาจจะอร่อยในปาก แต่อาจจะลำบากในร่างกายของเราก็เป็นได้ และที่ว่านี้คืออาหารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง หรือ อาหารที่มะเร็งชอบ ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่มากมาย วันนี้เลยจะขอนำอาหาร 5 ประเภท ที่มีโอกาสทำให้เกิดมะเร็งได้ง่าย และควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้

อาหารแปรรูป(อาหารที่มะเร็งชอบ)

หลายคนคงชื่นชอบอาหารแปรรูปกัน เพราะเป็นอะไรที่สะดวกสบาย แค่ฉีกซองใส่เวฟ หรือนำไปทอด

อาหารแปรรูปต่างๆ

อาหารแปรรูป (อาหารที่มะเร็งชอบ)มีอะไรบ้าง

ไส้กรอก กุนเชียง เบคอน มักมีส่วนผสมจาก “ดินประสิว” หรือ “โปตัสเซียมไนเตรต” ซึ่งเป็นส่วนประกอบ แม้จะทำให้อาหารดูน่ารับประทานและเก็บรักษาได้นาน แต่ก็เป็นของโปรดของมะเร็งร้ายเช่นกัน เป็นอาหารเสี่ยงมะเร็งที่ควรระวัง หรือควรทานให้น้อยลง

อาหารที่มีโซเดียมสูง

อาหารโซเดียมสูง (อาหารที่มะเร็งชอบ)

อาหารที่มีโซเดียมสูงมีอะไรบ้าง คืออาหารจำพวกของหมักดองต่างๆ อาหารที่ใส่ผงชูรสในปริมาณมาก ๆ เมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้ปริมาณเกลือโพแทสเซียมลดลง จึงส่งผลให้ภูมิต้านทานในร่างกายของเราลดลงตามไปด้วย จึงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร และหลอดอาหารได้ เป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน

อาหารปิ้งย่าง

อาหารปิ้งย่าง (อาหารที่มะเร็งชอบ)

อาหารปิ้งย่างของโปรดใครหลายๆ คงนึกถึงหมูย่าง เนื้อย่างโคขุน อย่าเพิ่งน้ำลายสอกันนะคะทุกคน เพราะอาหารปิ้งย่างนั้นก็เป็นอีกหนึ่งของโปรดของมะเร็งร้าย โดยอาหารเหล่านี้มักมีสารพีเอเอช (PAH หรือ Polycyclic Aromatic Hydrocarbon) ซึ่งเกิดจากควันที่ลอยขึ้นมาจับอาหาร เมื่อไขมันในเนื้อสัตว์ ที่หยดลงไปโดนถ่านไฟนั่นเอง ถือเป็นอาหารเสี่ยงมะเร็งที่ต้องระวังเป็นพิเศษด้วยนะคะ

อาหารทอดน้ำมันใช้ซ้ำ

อาหารทอด ใช้น้ำมันซ้ำ (อาหารที่มะเร็งชอบ)

อาหารที่ผ่านการทอดน้ำมันซ้ำๆ เราคงจะคิดออกกันบ้างเป็นเมนูที่หลายๆคนชอบ เช่น ปาท่องโก๋ หมูทอด หรือของทอดที่เราใช้น้ำมันซ้ำ ซึ่งมักปนเปื้อนสารก่อมะเร็งที่เกิดจากการแตกตัวของน้ำมันที่เสื่อมสภาพ ไม่เฉพาะผู้บริโภคเท่านั้น ผู้ขายที่สูดดมไอระเหยของน้ำมันทอดซ้ำนี้ไปมาก ก็เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดเช่นกัน อันตรายทั้งผู้ประกอบอาหารและผู้บริโภคกันเลยนะคะ

อาหารที่มีเชื้อรา

อาหารที่มีเชื้อรา (อาหารที่มะเร็งชอบ)

อาหารที่มีเชื้อราที่ผลิตอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) นั้น เมื่อกินเข้าไปสารนี้จะสะสมในตับ ก่อให้เกิดมะเร็งตับได้ เชื้อราเหล่านี้มักขึ้นตามอาหารเช่น ธัญพืช ถั่ว ขนมปัง ข้าวโพด พริก นม ฯลฯ เป็นอาหารที่บางครั้งหลีกเลี่ยงกันไม่ได้ก็ควรเลือกทานให้น้อยลงนะคะ

นอกจากนี้ ผลการวิจัยทางการแพทย์ยังพบว่าเซลล์มะเร็งเติบโตได้ดีจากน้ำตาล ดังนั้น ลดทานหวาน ลดการทานน้ำตาล จะทำให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งมากขึ้น หรือทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตช้าลง จนตรวจพบโรคได้ทันในระยะแรกๆ จึงควรลดระดับน้ำตาลที่ทาน เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง


เราได้ทราบเกี่ยวกับอาหารที่มะเร็งชอบ แต่เราควรหลีกเลี่ยงไปแล้ว งั้นเรามาดูว่าแล้วอาหารชนิดใดที่เราควรรับประทาน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งกันค่ะ


10 อาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง

10 อาหารช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง

มะเร็ง คืออะไร

มะเร็ง คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โดยมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ รวดเร็ว จนเกิดมะเร็งตามอวัยวะต่างๆ พบได้ในทุกเพศและทุกวัย พบบ่อยในผู้สูงอายุ ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย


แล้วโรคมะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร สาเหตุส่วนใหญ่มาจากไหน


มะเร็งเกิดจาก การถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่ามีการถ่ายทอดเซลล์มะเร็งจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งเสมอไปนะคะ
แต่อาจจะเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว, ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือ ภาวะทุพโภชนาการ ที่เกิดจากภาวะที่ร่างกายได้รับอาหารผิดสัดส่วนทั้งขาดและเกิน จึงส่งผลให้ร่างกายเกิดความไม่สมดุล

การสัมผัสหรือได้รับสารก่อมะเร็ง อย่างเช่น ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราเป็นประจำ การได้รับเชื้อราที่มักจะปนเปื้อนมากับอาหารประเภทอัลฟาท็อกซิล การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การรับประทานที่ใส่ดินประสิวเป็นประจำ ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารรสเค็มจัดและอาหารส่วนที่ไหม้เกรียม ไปจนผู้ที่โดนแสงแดดจัดและได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตเป็นเวลานานและเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้เช่นเดียวกัน

แต่ถ้าหากว่าอาหารบางชนิดเชื่อว่าทำให้เกิดมะเร็ง หรือ อาหารที่มะเร็งชอบ แต่ก็ยังมีอาหารหลายชนิดที่แสดงผลตรงข้าม ต่อต้านเซลล์มะเร็ง ลดโอกาสที่จะเกิดมะเร็งได้ ซึ่งมีหลายผลการทดสอบที่รองรับว่า มีอาหารที่ลดโอกาสการเกิดมะเร็งหลายชนิด

หลังจากทราบแล้วว่าอาหารที่มะเร็งชอบ ตอนนี้จะพามารู้จักอาหารลดความเสี่ยงก่อให้เกิดโรคมะเร็งค่ะ

1. ผัก

ผักหลายชนิดที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักสีเข้มทุกสี (เช่น ผักโขม แครอท มะเขือเทศ), ผักจำพวกกะหล่ำ (เช่น กะหล่ำปลี บล็อกโคลี กะหล่ำดอก), หัวหอม และ กระเทียม

2. ถั่ว

อุดมไปด้วยโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีผลดีต่อสุขภาพ มีกากใยอาหารตามธรรมชาติ ขับถ่ายได้สะดวก แล้วยังลดโอกาสเกิดเซลล์ผิดปกติในร่างกาย ได้แก่ ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง และตระกูลถั่วต่างๆ เป็นต้น

3. ธัญพืช

ช่วยด้านสุขภาพ ต้านมะเร็งก็ดี อุดมด้วยวิตามินบี ลดความดันโลหิตได้เป็นอย่างดีเช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาเล่ย์ ข้าวโพด ข้าวสาลี

4. สาหร่ายทะเล

เป็นแหล่งแร่ธาตุชั้นดี เต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกายมากมาย มีให้เลือกทานหลายชนิด

5. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

หาทานง่าย มีประโยชน์มากมาย ทั้งวิตามินหลายชนิด และกากใยอาหาร ทานสดจะได้คุณค่าสูงกว่าปั่นเป็นน้ำ ทั้งสตอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ เชอร์รี่

6. ปลาอุดมด้วยไขมัน

ส่วนใหญ่จะเป็นปลาทะเล ปลาน้ำเย็น ที่มีไขมันปลาที่ดีต่อร่างกาย อุดมด้วยโอเมก้า 3 เช่น แซลมอน ปลาคอท ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน

7. เครื่องเทศ

เครื่องเทศในไทยที่ใส่เครื่องแกงต่างๆ ช่วยต้านมะเร็ง และกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ดี แล้วยังมีอีกหลายอย่างที่นำมาทำอาหารได้อร่อย เช่น เก๋ากี้ พริกไทย กระเทียม หัวหอม ขิง โรสแมรี่

8. โยเกิร์ต

ไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องการขับถ่าย และช่วยควบคุมน้ำหนักได้เท่านั้น แต่ยังช่วยต้านมะเร็ง เพราะมีสารอนุมูลอิสระ ช่วยการหมุนเวียนของโลหิต และชะลอการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย หรือจะลองกรีกโยเกิร์ต ที่เข้มข้นกว่า สารอาหารมากกว่า และมีโปรไบโอติกส์ที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ดีกว่าด้วย

9. เห็ด

ไม่ว่าจะเป็นเห็ดหอม เห็ดฟาง เห็ดออรินจิ และอื่นๆ ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด มีเส้นใยอาหารที่ช่วยเรื่องการย่อย และการขับถ่ายให้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิตามินต่างๆ ที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย

10. น้ำดื่มสะอาด

การดื่มน้ำสะอาดนั้นช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้คล่องตัวขึ้น เป็นตัวกลางสำคัญที่จะทำให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการนำพาเอาของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นเราควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายหรืออย่างน้อยวันละ 2 ลิตร


วิธีลดมะเร็งโดยไม่ต้องพึ่งยาและ เลี่ยงอาหารที่มะเร็งชอบด้วยนะคะ

นอกจาก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สามารถลดความเสี่ยงจากมะเร็งได้ด้วยวิธีแบบธรรมชาติ ไม่ต้องใช้ยา เช่น


  • หมั่นตรวจสุขภาพ ตรวจโรคมะเร็งเสมอ
  • เลิกสูบบุหรี่
  • ลดการดื่มแอลกอฮอล์
  • ควบคุมน้ำหนัก
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • ไม่อยู่กลางแดดจัดนานเกินไป
  • หลับพักผ่อนให้เพียงพอ

พฤติกรรมที่ควรทำและควรเลี่ยงเพื่อห่างไกลโรคมะเร็ง


  • งดสูบบุหรี่และอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • รับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการและรับประทานอาหารอย่างสมดุล โดยรับประทาน
  • อาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานผักผลไม้ที่หลากหลาย เน้นการรับประทานอาหารประเภทธัญพืชและอาหารที่มีเส้นใยมากขึ้น ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
  • อย่ารับประทานอาหารที่หมดอายุหรือมีเชื้อรา
  • ลด หรืองดเว้นการรับประทานอาหารจำพวกปิ้ง ย่าง และหมักดอง
  • หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดหรืออยู่ในที่มีแสงแดดจัดเป็นเวลานาน ๆ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องหาอุปกรณ์เพื่อช่วยป้องกันร่างกายหรือผิวหนังจากแสงแดด และควรทาครีมกันแดดทั้งผิวหน้าและผิวกาย
  • ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆที่ทำให้เกิดความเครียด
  • ตรวจร่างกายประจำปีเป็นประจำทุกปี
    หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการปกติซึ่งเป็นอาการของโรคมะเร็งควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเคล็ดลับดีๆ เมนูอาหารที่เราควรเลี่ยงและเราควรรับประทาน เพื่อลดความเสี่ยงสำหรับโรคมะเร็งต่างๆนั้น คงจะพอช่วยให้หลายๆ ท่านได้ระวังกันไม่มากก็น้อย เพื่อสุขภาพของเราเอง และหากเราอยากป้องกันด้วยการเสริมอาหารขอแนะนำอาหารเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกันอย่าง อิมูร่า แค่วันละ 1 ซอง ก่อนนอนทุกคืน ก็จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้ดีป้องกันโรคร้ายอย่างมะเร็งได้อีกด้วย อีกทั้งช่วยให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ได้รับความสดชื่นเมื่อตื่นนอนอีกดวย สั่งซื้อได้ที่ www.imurathailand.com

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคร้ายใกล้ตัวคุณที่ไม่อาจมองข้าม

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง-imurathailand

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เกิดจากอะไร ก่อนที่เราจะไปทราบรายละเอียดกันนั้น เราต้องจะต้องดูส่วนประกอบกันก่อนว่าในร่างกายกายเรานั้น มีต่อมน้ำเหลือง และระบบน้ำเหลืองในร่างกายของเรานั้นประกอบด้วยอะไร และสาเหตุการเกิดอาการ การป้องกันโรคร้ายนี้ทำอย่างไร มาดูกันค่ะ

ต่อมน้ำเหลือง รู้กันดีอยู่แล้วว่าร่างกายของคนเรานั้นประกอบด้วยน้ำเหลือง และเลือด แล้วระบบน้ำเหลืองสำคัญกับเราอย่างเรา

ระบบน้ำเหลืองคืออะไร

ระบบน้ำเหลือง (Lymphatic System) คือการเชื่อมต่อระหว่างเนื้อเยื่อ หลอดเลือด และอวัยวะในร่างกายเพื่อไหลเวียนของเหลวไร้สี ที่เรียกอีกอย่างว่า “น้ำเหลือง) ให้กลับเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิต

น้ำเหลืองจะไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย คล้ายกับการไหลเวียนของเลือด

หน้าที่หลัก ของระบบน้ำเหลือง มีอะไรบ้าง (เรามาดูกันค่ะ)

-รักษาความสมดุลระดับน้ำในร่างกาย โดยการสะสมน้ำส่วนเกินที่ไหลออกมาจากเซลล์และเนื้อเยื่อ แล้วส่งกลับเข้าสู่กระแสเลือด

-ดูดซึมไขมันและวิตามินที่ละลายในไขมัน ที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร แล้วส่งคืนกลับเข้าสู่กระแสเลือด

-ป้องกันร่างกายจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ โดยการผลิตเม็ดเลือดขาวชนิดลิมไฟไซต์ (Lymphocyte) รวมถึงเซลล์ภูมิคุ้มกันอื่นๆ ที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายเช่น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เป็นต้น  ลำเลียงและกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติออกจากน้ำเหลือง

ส่วนประกอบของน้ำเหลือง

ระบบน้ำเหลืองเป็นอะไรที่ซับซ้อน ดังนั้นวันนี้จะมาแยกแยะส่วนต่างๆให้ดูกันค่ะว่าน้ำเหลืองมีส่วนใดบ้าง

-น้ำเหลือง คือของเหลวส่วนเกินที่ไหลออกมาจากเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย รวมเข้ากับสารอื่นๆ เช่น โปรตีน แร่ธาตุ ไขมัน เซลล์น้ำเหลืองช่วยลำเลียงเซลล์เม็ดเลือดขาวไปยังจุดต่างๆ ในร่างกาย เพื่อช่วยปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคและการติดเชื้อต่างๆ

-ต่อมน้ำเหลือง มีลักษณะคล้ายเม็ดถั่ว ทำหน้าที่คอยสังเกตุการณ์และกรองเอาของเสียและเซลล์มะเร็งออกจากน้ำเหลือง นอกจากนี้ยังผลิตและเก็บเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ และเซลล์ภูมิคุ้มกันอื่นๆ ที่จะโจมตีรวมถึงกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเราอีกด้วย

ในร่างกายคนเรานั้นจะมีต่อมน้ำเหลืองอยู่ประมาณ 600 ต่อม ซึ่งกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วร่างกาย และเมื่อร่างกายเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ต่อมน้ำเหลืองก็มักจะตอบสนองด้วยการบวมขึ้น เพราะมีการสะสมของเซลล์เม็ดเลือดขาว เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อจุลินทรีย์อื่นๆ ที่อยู่ในต่อมน้ำเหลือง

-ท่อน้ำเหลือง ทำหน้าที่ในการลำเลียงน้ำเหลืองไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ท่อน้ำเหลืองนั้นจะรวบรวมเซลล์และน้ำเหลืองส่วนเกิน ก่อนจะนำไปกรองที่ต่อมน้ำเหลือง ท่อน้ำเหลือง ทำงานคล้ายกับหลอดเลือด แต่จะมีแรงดันในท่อน้ำเหลืองที่ต่ำกว่ามาก และมีวาล์วสำหรับเปิดปิดเพื่อช่วยให้น้ำเหลืองไหลไปในทิศทางเดียวกัน

-ท่อรวบรวม คือท่อที่เชื่อมต่อระหว่างท่อน้ำเหลืองกับหลอดเลือดดำ ทำหน้าที่นการส่งน้ำเหลืองคืนเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อให้ปริมาณและแรงดันของเลือดอยู่ในระดับที่ปกติ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้มีน้ำสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อมากเกินไปอีกด้วย

โรคที่เกี่ยวกับระบบน้ำเหลืองที่พบได้บ่อย 

-มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
-ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ
-โรคบวมน้ำเหลือง


วันนี้จะนำโรคที่เกี่ยวกับน้ำเหลืองที่เป็นโรคอันดับต้นๆ ที่พบบ่อยในคนไทยเลยก็ว่าได้ นั่นคือ “โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง”


“มะเร็งต่อมน้ำเหลือง” เป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่อยู่ใกล้ตัวเรา และไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ควรใส่ใจและให้ความสำคัญ โดยการสังเกตตนเองอยู่เสมอ เมื่อพบเจอสิ่งผิดปกติควรรีบพบแพทย์เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที เพื่อรีบรักษา

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คืออะไร?

โรคที่มีเนื้องอกร้ายชนิดหนึ่งเกิดขึ้นที่ต่อมน้ำเหลืองหรือโครงสร้างต่อม ซึ่งระบบน้ำเหลืองก็เป็นระบบหนึ่งของภูมิคุ้มกัน ประกอบไปด้วย อวัยวะน้ำเหลือง ได้แก่ ม้าม และไขกระดูก ซึ่งภายในอวัยวะเหล่านี้จะเต็มไปด้วยน้ำเหลือง  มีหน้าที่นำสารอาหารและเซลล์เม็ดเลือดขาวไปทั่วร่างกาย และเมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวเหล่านี้เกิดความผิดปกติ จึงทำให้เกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองขึ้นมา

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถเกิดได้ในทุกที่ในร่างกาย เพราะต่อมน้ำเหลืองมีอยู่ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น คอ รักแร้ ข้อพับแขน ข้อพับขา ช่องอกหรือช่องท้อง แต่ยังไงก็ตามเซลล์น้ำเหลืองก็ยังอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกายด้วย ไม่ว่าจะเป็นลำไส้ หรือกระเพาะ จึงสามารถเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้หมดทุกที่

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จากการคาดการณ์เบื้องต้นพบว่ามีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่

  • ปัจจัยทางเคมี วัตถุทางเคมีที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น สารเคมีปราบศัตรูพืช น้ำยาย้อมผม เป็นต้น
  • ปัจจัยทางภูมิคุ้มกัน ผู้ที่มีสมรรถภาพภูมิคุ้มกันโรคลดลง เช่น โรคเอดส์ การปลูกถ่ายอวัยวะ โรคไขข้ออักเสบ เป็นต้น
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม การเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้น มีความชัดเจนที่เกิดมาจากกรรมพันธุ์ทางครอบครัว เช่น พี่น้องอาจเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตามลำดับ หรือเป็นพร้อมกัน สาเหตุจากไวรัส การติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัส HIV เป็นต้น

ปัจจุบันมีการตรวจวินิจฉัยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ดีขึ้นมาก ส่งผลทำให้อัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น เนื่องจากการรักษาที่ดีขึ้น สำหรับวัยที่ตรวจพบมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สามารถพบได้ในกลุ่มวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 20 ปีถึง 40 ปี  ทั้งนี้ก็ยังมีการตรวจพบในผู้สูงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป

อาการของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

คลำพบก้อนที่บริเวณต่างๆ ของร่างกาย เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ โดยก้อนเหล่านั้นจะไม่มีอาการเจ็บ ต่างจากการติดเชื้อที่จะมีอาการเจ็บที่ก้อนเนื้อ มีไข้ หนาวสั่น มีเหงื่อออกมากในกลางคืน เบื่ออาหาร น้ำหนักลดเร็ว  อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ไอเรื้อรัง หายใจไม่สะดวก ต่อมทอนซิลโต ปวดศีรษะ ซึ่งอาการนี้มักพบบริเวณต่อมน้ำเหลืองในระบบประสาท แต่บางครั้งการคลำเจอก้อนก็อาจไม่ใช่ก้อนมะเร็งเสมอไป เพราะอาจเป็นเรื่องของการอักเสบจากการติดเชื้อ หรืออาจเป็นตัวโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่มะเร็ง


มะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถรักษาให้หายเด็ดขาดได้ ถ้าไม่ได้อยู่ในระยะแพร่กระจาย จึงควรสังเกตตัวเองอยู่เสมอ หากคลำเจอก้อนเวลาอาบน้ำก็ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อการรักษาได้อย่างทันท่วงที


สำหรับระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่

ระยะที่ 1 พบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเพียงตำแหน่งเดียว เช่น บริเวณลำคอด้านซ้าย หรือบริเวณรักแร้ด้านขวา บริเวณใดบริเวณหนึ่ง

ระยะที่ 2 พบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่สองตำแหน่งขึ้นไป แต่จะต้องอยู่ด้านเดียวกันของกระบังลม เช่น บริเวณคอด้านซ้าย และคอด้านขวา หรือคอซ้ายกับรักแร้ซ้าย

ระยะที่ 3 พบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งส่วนบนและส่วนล่างของกระบังลม เช่น มีต่อมน้ำเหลืองโตที่รักแร้ร่วมกับที่ขาหนีบ

ระยะที่ 4 โรคจะกระจายออกนอกระบบน้ำเหลือง เช่น เกิดที่ไขกระดูก หรือเนื้อเยื่ออวัยวะอื่น เช่น ตับ ปอด สมอง กระดูก

วิธีการตรวจหามะเร็งต่อมน้ำเหลือง

แพทย์จะทำการซักประวัติคนไข้ และตรวจร่างกายเป็นลำดับ หรือตัดชิ้นเนื้อของต่อมน้ำเหลืองออกไปตรวจทางพิษวิทยา ส่วนการรักษาจะใช้วิธีการให้ยาเคมีบำบัด จำนวนครั้งในการให้ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ดูแลในเคสนั้นๆ

ซึ่งการรักษาโรคนี้จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลอยู่ หากตัวโรคมีความรุนแรงมากจะใช้วิธีการฉายแสงจากภายนอก หรือในคนไข้ที่มีข้อห้ามในเรื่องของการให้ยาก็จะได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้เช่นกัน
โดยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะไม่ต้องผ่าตัด เนื่องจากเป็นโรคที่ตอบสนองต่อยาและแสงเคมีบำบัดมากๆ อยู่แล้ว

วิธีการดูแลตนเองสำหรับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนี้ คือ

พยายามทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาจจะเน้นอาหารที่มีพลังงานเยอะ เช่น ไข่ขาว หรืออาหารที่มีโปรตีนสูงก็ช่วยได้ เช่น เนื้อสัตว์ต่างๆ แต่ควรหลีกเลี่ยงพวกยาชุด ยาชุด ยาหม้อ ยาลูกกลอน และควรออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้สุขภาพดี

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
อ. พญ.กีรติกานต์ บุญญาวรรณดี
หน่วยรังสีรักษา และมะเร็งวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล

 

 

5 โรคมะเร็งคร่าชีวิตคนไทย

5โรคมะเร็งคร่าชีวิตคนไทย

โรคมะเร็ง หากท่านใดเคยพบหรือเคยป่วยด้วยโรคนี้มาก่อนคงเรียกได้ว่าเหมือนโลกมืดไปทั้งใบเลยก็ว่าได้ เพราะคงไม่มีใครอยากป่วยเป็นโรคมะเร็ง วันนี้เราจะนำอันดับโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยเรามากที่สุดมาจัดอันดับ เพื่อที่เราจะได้ระวัง ป้องกัน เพื่อห่างจากโรคมะเร็งร้ายเหล่านี้ค่ะ

“รู้ไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ กับ 5 อันดับมะเร็งที่พบมากในคนไทย”

โรคมะเร็ง เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุต้นๆ ของการเสียชีวิตสำหรับคนไทยเลย นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโรคมะเร็งจะมีโอกาสเกิดขึ้นกับคนอายุน้อยที่เริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นแล้ว ผลกระทบจากภายในและภายนอกร่างกาย ก็ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเกิดโรคมะเร็งได้เช่นกัน


แล้วเรามีโอกาสที่จะเลี่ยงให้ไกลจากโรคมะเร็งนี้ได้หรือไม่


ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งนั้น ยังไม่มีใครสามารระบุชัดเจนได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะร่างกายของแต่ละคน และสุขภาพของแต่ละบุคคลนั้น มีการใช้ชีวิตประจำวันที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนั้นพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นเหตุกระตุ้นทำให้เกิดโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นมีหลายปัจจัย วันนี้จะยกตัวอย่างให้ดูค่ะ

  • อายุ
  • กรรมพันธุ์
  • ความไม่สมดุลทางฮอร์โมน
  • การรับประทาน
  • สูบบุหรี่
  • การใช้สารเคมี
  • ออกกำลังกาย

ปัจจัยเสี่ยงแต่ละรายนั้นไว้รอบหน้าจะแยกออกมาให้ทราบกันอีกทีนะคะ


สัญญาณเสี่ยงเกิดโรคมะเร็ง มีด้วยกัน 7 สัญญาณ

  1. ระบบขับถ่ายที่เปลี่ยนแปลง
  2. แผลที่ไม่รู้จักหาย
  3. ร่างกายมีก้อนตุ่ม
  4. กลุ้มใจเรื่องการกลืนอาหาร
  5. ทวารทั้งหลายมีเลือดไหล
  6. ไฝ หูดที่เปลี่ยนไป
  7. ไอและเสียงแหบจนเรื้อรัง

หลังจากเรียนรู้เรื่องปัจจัยการเกิดโรคมะเร็งกันไปแล้วถึงคราวอันดับเกิดโรคมะเร็งกับคนไทยเราบ่อยที่สุดกันค่ะ นั่นก็คือ 5 อันดับโรคมะเร็งที่พบในคนไทยมากที่สุด เรามาดูกันว่าทำไมถึงเกิดกับคนไทยเราบ่อยและมากเพราะอะไร และเกิดกับผู้ชายหรือผู้หญิงมากกว่ากัน เราจะได้สำรวจสุขภาพและป้องกันโรคร้ายนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ

5 อันดับ โรคมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย

1.โรคมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี

โรคมะเร็งตับเป็นโรคที่พบในคนไทยมากที่สุดอันดับ 1 เลยและพบมากสุดในเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 3 เท่า ช่วงอายุที่พบคือ 30-70 ปี ในระยะแรกของโรคมะเร็งตับนั้นมักไม่แสดงอาการ ซึ่งกว่าจะทราบการวินิจฉัยก็มักจะอยู่ในช่วงท้ายและไม่สามารถรับการรักษาได้ทัน จึงส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุด

โรคมะเร็งตับมีสาเหตุหลักคือ การได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ การดื่มแอลกอฮอล์ รับสารพิษอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) หรือการได้รับยาบางชนิดและพันธุกรรม เป็นต้น

1.1โรคมะเร็งท่อน้ำดี 

โรคมะเร็งในท่อน้ำดี พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง พบช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในท่อน้ำดีคือการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะปลาน้ำจืดแบบดิบ ทำให้ได้รับตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ เกิดการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่นคนในครอบครัวเป็นมะเร็งในท่อน้ำดี ภาวะท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

2.โรคมะเร็งปอด

โรคมะเร็งปอดเป็นโรคพบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง สาเหตุหลักของโรคมะเร็งปอดมาจากการสูบบุหรี่ หรือ ได้รับควันบุหรี่ โดยอาการเริ่มแรกมีอาการไอ มีเสมหะ หรือไอมีเลือด เจ็บหน้าอก หายใจดังและถี่ ความอยากอาหารลดลง เป็นต้น

3.โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยทำงาน อาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มักปรากฎให้เห็นเช่น อุจจาระมีเลือดปน น้ำหนักตัวลด มีอาการลำไส้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น

 4.โรคมะเร็งเต้านม

โรคมะเร็งเต้านม พบมากในผู้หญิงตั้งแต่วัยสาวเป็นต้นไป สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในต่อมน้ำนมและท่อน้ำนม โดยสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านมมีหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ อายุ มีประจำเดือนตอนอายุน้อย ๆ หรือหมดประจำเดือนช้ากว่าปกติ เป็นต้น

5.โรคมะเร็งปากมดลูก

โรคมะเร็งปากมดลูก พบในผู้หญิงและมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย พบในช่วงอายุ 30-70 ปี โดยพฤติกรรมที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุหลักๆ คือ เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์  เป็นต้น

บทสรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างคะโรคมะเร็ง5อันดับที่คนไทยเป็นมากที่สุดมันไม่น่าคบหาเลยนะคะ เราต้องดูแลสุขภาพ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ออกกำลังกายและทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ควรทานให้ครบ 5 หมู่ และควรหลีกเลี่ยงสารก่อให้เกิดโรคมะเร็งต่างด้วยนะคะ หรือเลือกทานอาหารเสริมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือเลือกดื่ม I.M.U.RA ก่อนนอนสัก 1 ซองช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยให้เราเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดเพชรฆาต เพื่อฆ่าเซลล์ร้ายถ้าหากเจอ หรือไวรัสตัวร้ายได้อีกด้วยค่ะ

ทำไมต้องใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy ) ป้องกันมะเร็ง 

มาทำความรู้จัก I.M.U.RA กันค่ะว่าคืออะไร?

I.M.U.RA อาหารเสริม สกัดจากธรรมชาติ เพิ่ม NK Cell activity พร้อมResveratrol สกัดจากเปลือกเมล็ดองุ่น, CBDrive วิตามิน B C และ Zinc ทั้งช่วยกำจัดเซลล์ร้าย และฟื้นฟูเซลล์ดี

สารสกัดในอิมูร่า

🌿 ส่วนประกอบของ IMURA สกัดจากธรมชาติทั้งหมดค่ะ นำมาทำเป็นสูตรเข้มข้นเฉพาะสำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันชนิด NK Cell ที่ใช้ในการรักษาแบบภูมิบำบัด
⚕️ ต้านความชราของในระดับเซลล์ด้วย resveratrol สกัดจาก Grape Skin
⚕️ กระตุ้นการสร้าง NK Cell ด้วย Vit C , Vit B, Zinc, Bio Magnesium, Cranberry, Blueberry
จำหน่ายอาหารเสริมเพิ่ม Nk Cell-9สารสกัดที่สำคัญ

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนและหลังทำคีโม ด้วย IMURA Chemo Set

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนและหลังทำคีโม ด้วย IMURA Chemo Set

วิธีการรับประทาน

ดื่มวันละ 2 ครั้ง 14 วันต่อเนื่อง ก่อนเข้าทำคีโมบำบัด
และ วันละ 2 ครั้ง 14 วันต่อเนื่อง หลังบำบัด
เลขที่ อ.ย. : 1210516150077
ผลิตและจัดจำหน่ายโดย : บริษัท มามาสิตา จำกัด

สนใจสอบถามได้ที่ 

FB:https://www.facebook.com/imuramamasita
website: https://www.imurathailand.com/
Line OA: @imuramamasita

 

“CANCER WITH ME” ส่งต่อกำลังใจให้ผู้ป่วยมะเร็งทุกคน

ผู้ป่วยมะเร็ง

สวัสดีค่ะชื่อต่ายเจ้าของเพจ “มาจะเล่าให้ฟัง CANCER WITH ME” เป็นผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะ 4 ค่ะมีแรงบันดาลใจจากการป่วยและอยากให้กำลังใจคนที่ป่วยเหมือนกันจึงอยากส่งต่อกำลังใจให้ทุกๆคน

CANCER WITH ME-www imurathailand

เมื่อชีวิตของเราได้เปลี่ยนไปเพราะมีมะเร็งเข้ามา จะทำอย่างไร?

ต่ายเป็นสาววัยทำงานคนนึงที่ชีวิตกำลังไปได้สวยมากๆ ทั้งหน้าที่การงานชีวิตส่วนตัว และที่สำคัญต่ายกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือน แต่ภารกิจต่างๆต้องถูกพับเก็บไว้ก่อน เนื่องจากหลังวันเกิดอายุ 28 ปีเพียงไม่กี่เดือนต่ายถูกตรวจพบว่ามีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ราวๆ 8 cm. อยู่ในช่องอกจากการทำ x-ray ปอดคุณหมอไม่นิ่งนอนใจจับเราทำ CT-SCAN ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจจึงมั่นใจว่าเราเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด (Hodgkin’s) เข้าระยะที่ 4 นอกจากก้อนตรงช่องอก ยังเจอที่ตับด้วยอีกนิดหน่อยตอนนั้นบ้านเราช็อกกันหมดทั้งบ้าน เพราะเราแข็งแรงดีไม่มีสัญญาณใดๆบ่งบอกเลยว่าจะเป็นมะเร็งตอนอายุเท่านี้

CANCER WITH ME

เมื่อรู้แล้วว่ามะเร็งเข้ามาอยู่กับเราแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อไป

แน่นอนวันที่รู้ว่ามะเร็ง (cancer) เข้ามาเยือนตัวเราแล้ว ถ้ามัวแต่ตกใจสติหลุดฟูมฟายคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแน่ๆ เราตั้งสติศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ทั้งกับญาติๆเราที่เป็นคุณหมอและศึกษาข้อมูลงานวิจัยผ่านทาง Internet รวมถึงทั้งปรึกษาคุณหมอเจ้าของไข้ของเราด้วย คุณหมอบอกว่าเราอาจโชคร้ายที่เป็นมะเร็งแต่ก็ยังโชคดีที่เป็นมะเร็งชนิดนี้ เพราะมะเร็งตัวนี้ตอบสนองต่อยาดีมากๆ ต่อให้เป็นระยะ 4 โอกาสในการหายขาดก็มีมากด้วย เราได้ทั้งกำลังใจจากคนรอบข้างและที่สำคัญคือกำลังใจจากตัวเอง

เคมีบำบัดกับการรักษาโรคมะเร็ง-www imurathailand

ขั้นตอนการวางแผนรักษามะเร็ง (CANCER)

คุณหมอวางแพลนให้คีโมบำบัดสูตรที่ 1 (จำนวน 6 Cycle) โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 4-5 เดือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องเริ่มให้คีโมบำบัดครั้งแรกเราก็ตื่นเต้นมากมันจะแย่ขนาดไหนกันนะได้ยินคนเค้าพูดกันมาว่ามันต้องทรมานอย่างนั้นอย่างนี้สรุปตอนที่ให้ก็เหมือนให้น้ำเกลือปกติเรานั่งคุยกับที่บ้านนั่งทานข้าวอย่างสบายใจแต่หลังจากนั้นประมาณ 3-5 วันเราจะมึนๆต้องรอให้ร่างกายฟื้นตัวก็จะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับเราไม่ค่อยแพ้คีโมเท่าไหร่ไม่เคยอาเจียนเลยสักครั้งเวลาเรากำลังรอฟื้นตัวจากคีโมเราก็จะคิดว่าถ้าเราฟื้นตัวแล้วเราจะทำอะไรดีนะใส่ชุดสวยไปเที่ยวไหนดีใส่วิกอันไหนดี
เราให้คีโมตั้งแต่ต้นจนจบเราก็ยังขับรถไปทำงานประจำของเราตามปกตินะเราคิดตลอดว่าไม่เป็นไรรักษาไปเดี๋ยวมันก็ต้องหายเราใช้ชีวิตค่อนข้างปกติมากๆแค่ระวังตัวมากขึ้นเราจะไม่โฟกัสกับตัวโรคมากจนจิตตกเราถือคติที่ว่าใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆวันไม่ว่าจะต้องต่อสู้กับอะไรก็ตาม

เมื่อต้องทำเคมีบำบัดหรือการให้คีโม

ตามคาดเราทำ Pet/CT scan หลังให้ยาเคมีบำบัดไป 3 cycle ผลออกมาดีมากคือก้อนเนื้อยุบลงไปเยอะมากตรงช่องอกจาก 8.8 cmเหลือเพียง 3 cm. กว่าๆเท่านั้นเองตรงตับก็ไม่มีจุดอะไรแล้วแต่โชคอาจไม่เข้าข้างเท่าไหร่เพราะหลังจากจบคอร์สการให้ยา 2 เดือนกลับพบว่าก้อนเนื้อตรงช่องอกกลับยังไม่สงบจริงๆมันยังโตขึ้นมาอีกจากมิลกลับมาเป็นเซนติเมตร แถมยังกระจายไปตรงหลอดลมอีกด้วยคราวนี้ต้องมาวางแผนการรักษาใหม่คือเปลี่ยนยาเคมีบำบัดสูตรใหม่ที่แรงขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว + ให้ยามุ่งเป้าร่วมด้วยพร้อมทั้งตัองปลูกถ่ายไขกระดูกอีกโดยของเราสามารถใช้สเต็มเซลล์ของตัวเองในการปลูกถ่ายได้เพราะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและสามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้เกินเป้าที่คุณหมอต้องการตอนนั้นคิดในใจเลยว่าดีจังตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ด้วย

มาถึงวันนี้เรารักษาครบทุกขั้นตอนในระยะเวลา 1 ปีกับอีก 4 เดือนเหลือแค่ยามุ่งเป้าที่ต้องให้ต่ออีกแค่ 6 ครั้งก็ถือว่าจบการรักษาน่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 6 เดือนในระยะเวลาที่ดีใจตลอดผลเลือดเราสามารถรับคีโมได้ตรงตามเวลาที่คุณหมอกำหนดตลอดไม่เคยเลื่อนการรับคีโมเลยเราคิดว่าถ้ากำลังใจจากตัวเราดีแล้วเราสู้ถึงที่สุดแล้วจะแพ้จะชนะยังไงเราถือว่าเราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว

ค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งครั้งนี้

ในเรื่องของค่าใช้จ่ายต้องบอกเลยว่ามหาศาลมากแค่คีโมต่อครั้งก็หลักหมื่นยามุ่งเป้าตกขวดละเป็นแสนในแต่ละครั้งเราต้องใช้ยามุ่งเป้าจำนวน 2 ขวดถ้าตีเป็นเงินคงไม่มีใครอยากนับเลยแต่ยังถือว่าเรายังพอโชคดีบ้างที่สิทธิประกันสังคมคอย Support บางส่วนซึ่งถือว่าช่วยได้มากทีเดียวรวมถึงทั้งต่ายยังไม่ประมาทกับชีวิตโดยการทำประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายเอาไว้ตัวเราเองจึงไม่ค่อยเครียดกับค่ารักษามาก ค่าอาหารเสริมก็หนักเอาการเหมือนกันแต่เราเลือกที่จะยอมจ่ายเพราะเราอาจจะทานอาหารไม่ถึงก็ยังมีอาหารเสริมที่มาคอยช่วยดูแลร่างกายที่โดนคีโมมานับไม่ถ้วนให้ฟื้นตัวไวขึ้นมาบ้าง โดยต่ายเลือกทานอาหารเสริม I.M.U.RA เพราะสารอาหารที่ครบถ้วนช่วยฟื้นฟูร่างกายต่ายได้อย่างดีทีเดียว

บทสรุป

สุดท้ายมะเร็งสอนให้ต่ายรู้ว่าชีวิตของเรามีแค่ชีวิตเดียวไม่ควรประมาทต่อชีวิตทุกสิ่งบนโลกล้วนไม่มีความแน่นอนใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุขมากที่สุดเพราะเราไม่รู้เลยว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเรา

เคมีบำบัดกับการรักษามะเร็ง

เคมีบำบัดกับการรักษาโรคมะเร็ง-www imurathailand

ปัญหาจากการทำคีโม-เคมีบำบัด

โรคมะเร็ง เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลกและเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญ โดยมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่

  1. มะเร็งปอด
  2. มะเร็งเต้านม
  3. มะเร็งลำไส้ใหญ่
  4. มะเร็งกระเพาะอาหาร

    ส่วนมะเร็งที่เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่ง คือ

    –  มะเร็งปอด
    – มะเร็งกระเพาะอาหาร
    – มะเร็งตับ
    – มะเร็งลำไส้ใหญ่

นอกจากนี้ยังมีโรคมะเร็งที่พบได้อีก เช่น มะเร็งตับอ่อน มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งศีรษะและลำคอ มะเร็งกระดูก มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ การรักษามะเร็งด้วยยาเคมีบำบัดเป็นรูปแบบการรักษาที่สำคัญและเป็นการรักษาแรกที่นำมาใช้รักษาโรคมะเร็งที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติอีกครั้ง

มะเร็งที่รักษาให้หายขาดได้

โรคมะเร็งที่รักษาให้หายขาดได้ (Curable Cancer) นั้น ส่วนใหญ่ถ้าสามารถวินิจฉัยได้ในระยะเริ่มแรก โดยมากจะรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด เช่น โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น แต่หากวินิจฉัยเมื่อโรคเป็นมากแล้วและมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ มักไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

แต่ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าในการรักษาโรคมะเร็ง ทำให้โรคมะเร็งบางชนิดที่แม้มีการแพร่กระจายไปแล้วก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยโรคมะเร็งที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ (Curable) ด้วยยาเคมีบำบัด ประกอบไปด้วย
1. โรคมะเร็งอัณฑะ
2. โรคมะเร็งเนื้อรก หรือ Choriocacinoma
3. โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิด
4. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด

วิธีการรักษาโรคมะเร็ง

การรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาแบบสหสาขา หมายถึง การรักษาโดยทีมแพทย์หลายสาขาร่วมกัน ประกอบด้วย
• แพทย์รังสีวินิจฉัย
• แพทย์รังสีร่วมรักษาช่วยในการวินิจฉัย การตัดชิ้นเนื้อเพื่อการวินิจฉัย การฉีดยาเคมีบำบัดเข้าสู่เส้นเลือดแดงที่เลี้ยงก้อนมะเร็งโดยตรง
• ศัลยแพทย์โรคมะเร็งที่ทำการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออก
• แพทย์ทางรังสีรักษาที่ให้การรักษาด้วยแสงรังสีรักษา
• อายุรแพทย์มะเร็งวิทยาที่ให้การรักษาทางยา ซึ่งประกอบไปด้วย
◦ การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) นับเป็นการรักษาหลักของการรักษาทางยาที่ใช้มากที่สุดในการรักษาโรคมะเร็งปัจจุบัน  โดยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) อาจใช้เป็นการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดอย่างเดียว หรืออาจใช้ยาเคมีบำบัดร่วมกับรังสีรักษาที่เรียกว่า Chemoradiation อาจใช้ยาเคมีบำบัดร่วมกับยามุ่งเป้า หรือยาภูมิคุ้มกันบำบัดได้ โดยขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรคมะเร็ง
◦ การรักษาด้วยยาต้านฮอร์โมน (Hormonal Therapy) นับเป็นการรักษาที่ใช้รองลงมาจากการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
◦ การรักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)
◦ การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) โดยการพยายามใช้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง

ระยะโรคมะเร็งและแนวทางการรักษา

วิธีการรักษาโรคมะเร็งจะมีแนวทางการรักษาตามระยะของโรคมะเร็งโดยทั่วไปแบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่

• โรคมะเร็งระยะที่ 1 – 2 คือ

โรคมะเร็งระยะแรกที่สามารถผ่าตัดได้ หลังการผ่าตัดผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องให้การรักษาเสริมภายหลังด้วยยาเคมีบำบัดและ / หรือยาต้านฮอร์โมน ที่เรียกว่า Adjuvant Treatment

• โรคมะเร็งระยะที่ 3 คือ

โรคมะเร็งที่มักมีการลุกลามมากขึ้น โดยมีการกระจายไปต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงบางรายสามารถผ่าตัดได้ ศัลยแพทย์ก็จะผ่าตัดก่อน หลังการผ่าตัดผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องให้การรักษาเสริมภายหลังด้วยยาเคมีบำบัด และ / หรือรังสีรักษา และ / หรือยาต้านฮอร์โมน  และ / หรือยามุ่งเป้า  เหตุผลที่มีการนำเอายาเคมีบำบัดและยาอื่น ๆ มาให้เสริมหลังผ่าตัดก็เพื่อลดอุบัติการณ์ของการกลับมาของโรคมะเร็งทั้งแบบเฉพาะที่และแบบแพร่กระจาย ซึ่งท้ายที่สุดจะเพิ่มระยะเวลาการรอดชีวิตของผู้ป่วย
ในบางรายที่โรคเป็นมากและการผ่าตัดอาจทำได้แต่ผลการรักษาอาจไม่ดีเนื่องจากขนาดก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่จึงมีการนำเอายาเคมีบำบัดมาใช้รักษาในระยะเบื้องต้นก่อนการผ่าตัดเพื่อให้ก้อนเล็กลงทำให้ศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดเก็บอวัยวะหรือผ่าตัดเก็บเต้านมได้ จากนั้นก็ให้การรักษาอื่นตามในภายหลัง

ในบางรายที่โรคเป็นมากและการผ่าตัดอาจทำได้แต่ผลการรักษาอาจไม่ดีเนื่องจากขนาดก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่จึงมีการนำเอายาเคมีบำบัดมาใช้รักษาในระยะเบื้องต้นก่อนการผ่าตัดเพื่อให้ก้อนเล็กลงทำให้ศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดเก็บอวัยวะหรือผ่าตัดเก็บเต้านมได้ จากนั้นก็ให้การรักษาอื่นตามในภายหลัง

• โรคมะเร็งระยะที่ 4

หรือโรคมะเร็งระยะที่ 1 – 3 และมีการกลับมาของโรค ผู้ป่วยจะมีโรคลุกลามมากขึ้นและแพร่กระจายไปอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ตับ กระดูก สมอง และที่อื่น ๆ ซึ่งโรคมะเร็งระยะที่ 4 นี้ โรคมะเร็งบางชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาเคมีบำบัด เช่น โรคมะเร็งอัณฑะ โรคมะเร็งเนื้อรก เป็นต้น

การรักษาแบบเคมีบำบัดคืออะไร?

การรักษาด้วยเคมีบำบัด หมายถึง การให้ยาซึ่งมีฤทธิ์ทำลายหรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อร้าย บางครั้งอาจมีผลทำให้เซลล์ปกติของร่างกายถูกทำลาย ส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปากอักเสบ เบื่ออาหาร ภูมิต้านทานต่ำ ท้องเสีย ผมร่วง ซึ่งอาการเหล่านี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของยา สภาวะความแข็งแรงของร่างกาย รวมถึงความพร้อมทางด้านจิตใจของผู้ป่วย

วิธีการให้เคมีบำบัดมี 2 วิธี

  • ยาเคมีบำบัดสามารถบริหารเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยได้หลายวิธี ได้แก่
  • เคมีบำบัดชนิดรับประทาน
  • เคมีบำบัดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด

ระยะเวลาในการรักษาด้วยเคมีบำบัด

ระยะเวลาในการรักษาด้วยเคมีบำบัดขึ้นอยู่กับชนิดของโรค ระยะของโรค และการตอบสนองต่อยา โดยปกติยาเคมีบำบัดจะให้เป็นชุด ใช้เวลา 1-5 วันต่อชุด แต่ละชุดห่างกัน 3-4 สัปดาห์ ซึ่งผู้ป่วยอาจได้รับเคมีบำบัดเฉลี่ย 6-8 ชุด (ขึ้นกับแผนการรักษาของแพทย์) โดยผู้ป่วยควรมารับยาตามนัดทุกครั้งเพื่อผลการรักษาที่ดี

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับเคมีบำบัด

  • ด้านร่างกาย
    รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอและเพิ่มการนอนพักในช่วงกลางวันอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงต่อวัน หากมีโรคประจำตัว เช่น หัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคที่ต้องรับประทานยาเป็นประจำ ต้องแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบ
  • ด้านจิตใจ
    ควรทำอารมณ์และจิตใจให้พร้อมรับการรักษา ลดความกลัวและความวิตกกังวลลง
    มั่นใจในวิทยาการสมัยใหม่ ซึ่งสามารถลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
    ถ้าท่านรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับโรค การรักษา การดูแลตนเอง ควรปรึกษาแพทย์และพยาบาล

การดูแลตนเองขณะรับเคมีบำบัด

สังเกตผิวหนังบริเวณที่ฉีดยา ถ้ารู้สึกปวด บวม แดง หรือสงสัยมียารั่วซึมออกนอกหลอดเลือด ต้องแจ้งพยาบาลทันที
ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยขับสารเคมีที่อาจตกค้างในร่างกายออกทางปัสสาวะ
ถ้ามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ให้แจ้งพยาบาลทันที

เคมีบำบัด

บทสรุป

อย่างไรก็ตามโรคมะเร็งระยะแพร่กระจายนี้ส่วนมากรักษาไม่หายขาดแต่สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้หากผู้ป่วยมีกำลังใจดีมีร่างกายที่แข็งแรงและมีภาวะโภชนาการที่ดีพอสมควร แพทย์จะสามารถให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) ที่เป็นการรักษาหลักในการรักษาโรคมะเร็งระยะแพร่กระจาย โดยยาเคมีบำบัดจะไปหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ทั้งที่อยู่เฉพาะที่และที่แพร่กระจายไป ในปัจจุบันมีการนำยามุ่งเป้าหรือยาภูมิคุ้มกันบำบัดมาใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยาเคมีบำบัดในการรักษาโรคมะเร็ง หากการตอบสนองของผู้ป่วยต่อยาเคมีบำบัดและยาที่ใช้ร่วมด้วยนั้นได้ผลดี การรักษาก็จะเพิ่มระยะเวลาการรอดชีวิตของผู้ป่วยได้และคุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้การรักษาอื่นๆของโรคมะเร็งระยะที่ 4 อาจเป็นการรักษาด้วยยาต้านฮอร์โมน การรักษาด้วยยามุ่งเป้า หรือ Targeted Therapy และ ภูมิคุ้มกันบำบัด
(Immunotherapy) แล้วแต่ชนิดของโรคมะเร็ง

อย่างไรก็ตามหน้าที่การรักษาเป็นของคุณหมอ หน้าที่เตรียมร่างกายเป็นของเรา ให้อิมูร่าดูแลคุณในทุกครั้งก่อนและหลังการให้เคมีบำบัด เพื่อเตรียมความพร้อมร่างกายในการรักษาครั้งต่อไป

จำหน่ายอาหารเสริมเพิ่ม Nk Cell-9สารสกัดที่สำคัญ

ทำไมต้องทานอาหารเสริม อิมูร่า ลดอาการหลังรับเคมีบำบัด

อิมูร่าเค้าจะเข้าไปดูแลในส่วนที่เป็นผลกระทบจากคีโมหรือเคมีบำบัด เช่น อาเจียน อักเสบในช่องปากและหลอดอาหาร นอนไม่หลับ การอักเสบทั้งหมดที่เกิดภายใน
กระตุ้นเม็ดเลือดขาว ชนิด nk cell และ nk cell activities ให้เพิ่มขึ้นและทำงานเต็มที่ เพื่อเตรียมร่างกายให้อยู่ในความสมบูรณ์เต็มที่ พร้อมให้เคมีบำบัด ฉายแสง หรือยาพุ่งเป้า
หลังจากที่ทานอิมูร่าแล้ว สารสกัด Resveratrol ในอิมูร่าจะเข้ามาดูแลเรื่องของเซลล์ที่ถูกทำลายจากคีโม เสริมสร้างเซลล์เกิดใหม่ เราเรียกว่าเซลล์เด็ก เมื่อคีโมเข้าร่างกายเค้าทำลายทั้งัเซลล์ร้ายและดีที่ตาย อิมูร่าก็จะเจ้าไปดูตรงนั้น ลดการอักเสบในระดับเซลล์
และยังมีCb drive ช่วยในเรื่องของลดความเจ็บปวด อาเจียน และช่วยเรื่องการนอนหลับค่ะ
CB DRIVE คือ สารสกัดที่ให้ฤทธิ์เทียบเท่ากัญชา ทั้งหมดจะเป็นกลไกการทำงานของอิมูร่า ซึ่งสารสกัดนี้ได้มาจากเมล็ดองุ่น ดังนั้นผู้ป่วยที่จะเริ่มต้นดื่มอิมูร่า ไม่ต้องกังวลว่าจะติดเพราะไม่ใช่สารสกัดจากกัญชาโดยตรง ถึงแม้ว่าจะมีสารสกัดจากน้ำมันกัญชา ซึ่งก็ใช้ปริมาณที่ต่ำมากๆ
อาหารเสริมสำหรับคนทำคีโมหรือเคมีบำบัด

วิธีการดื่มอิมูร่า ลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด

ข้อแนะนำควรดื่มอย่างต่อเนื่องทุกวัน เดือนละ 1 กล่อง (1กล่องดื่มได้ 28 วัน)
อย่าลืมว่าเซลล์ที่ถูกทำลายด้วยภาวะของโรค ซ้ำด้วยเคมี มันไม่ง่ายที่จะสร้างตัวเองให้แข็งแรงด้วยซ้ำ อย่างที่ลูกค้าบอกคะ ว่าอนาคตไม่รู้แต่ถ้าเราเตรียมพร้อมไว้

ภูมิคุ้มกันมีมากจนเวลาที่ถูกทำลายด้วยคีโมเค้าก็ยังมีเหลือ แต่ถ้าเราไม่มีอะไรช่วยเลย ทุกๆครั้งของการรับเคมีเข้ามา ถ้าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปมันสร้างได้ไม่พอ หรือช้ากว่าที่จะช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเคมีได้ เวลามันย้อนกลับไม่ได้เพียงวันละไม่ถึง 70 บาท
พร้อมดื่มวันนี้หรือยัง? ดื่มจบตามแผนการรักษา ก็หยุดทานได้ตามปกติ หรือทานต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันไวรัส